วันที่ 26 มีนาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก "โหนกระแส" โพสต์ข้อความที่คุณแม่วัย 26 ปีร้องเรียนกับทีมเพจโหนกระแส โดยระบุว่า เธอมีลูกชาย 1 คน  วัย 1 ขวบ ตั้งแต่คลอดเธอยอมลาออกจากโรงงานเพื่อมาเลี้ยงดูลูกชายอยู่ที่ บ้านหนองล่อง ต.บ้านเต้า อ.เมือง จ.ลำปาง กระทั่งเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ลูกชายโตพอที่จะพาไปฝากเนอร์สเซอรี่ได้ จึงให้แม่ซึ่งเป็นยายของเด็กช่วยดูแลแทน เพื่อที่เธอจะเดินทางไปทำงานโรงงานใน จ.ลำพูน 

12 ก.พ. เป็นวันแรกที่ยายพาหลานไปฝากเนอร์สเซอรี่ที่มีชื่อแห่งหนึ่งใน อ.เมืองลำปาง โดยคิดค่าจ้างเดือนละ 2,500 บาท ดูแลวันจันทร์ถึงศุกร์ นมและผ้าอ้อมครอบครัวเธอนำมาเอง ซึ่งทุกเช้ายายจะเป็นคนพาหลานมาส่ง และรับกลับในตอนเย็น

7 โมงเช้า ของวันที่ 7 มี.ค. ยายพาหลานมาส่งตามปกติ แต่ 4 โมงเย็น ครูที่ดูแลโทรศัพท์มาบอกกับยายว่าหลานสำลักนม ไม่สบาย ให้รีบมารับตัวด่วน ก่อนจะโทรศัพท์มาย้ำอีกครั้งว่า เด็กชัก ให้รีบมา

แม่ของเธอจึงเรียกกู้ภัย แล้วเดินทางมาถึงที่ศูนย์ในเวลา 16.08 น. ไม่เกิน 10 นาที หลังได้รับโทรศัพท์สายแรกจากครูผู้ดูแล แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าหลานนอนนิ่งอยู่ที่พื้น และไม่หายใจแล้ว

ทีมกู้ภัยรีบนำตัวส่ง รพ.ลำปาง แพทย์พาไปเอกซเรย์สมองและทั่วทั้งตัว ก่อนจะออกมาบอกผลว่า น้องมีเลือดคั่งในสมอง และสมองซีกซ้ายบวม ไม่มีบาดแผลอื่น คาดว่าน่าจะเกิดการโดนเขย่าตัวอย่างรุนแรง สังเกตได้จากนัยตาของน้องมีเลือดออกร่วมด้วย

หลังเกิดเหตุเธอได้ไปสอบถามครูที่ดูแล ครูยังยืนยันคำเดิมว่าน้องสำลักนมเอง เธอจึงไปแจ้งตำรวจ สภ.เมืองลำปาง ให้มาตรวจสอบที่ศูนย์ดังกล่าวว่ามีใบอนุญาตรับเลี้ยงเด็กถูกต้องหรือไม่

เบื้องต้นทราบว่า ศูนย์แห่งนี้ไม่มีวงจรปิด จึงไม่มีหลักฐานในวันเกิดเหตุ และทราบว่าวันที่เกิดเหตุ จากเดิมที่ทางศูนย์อ้างว่าจะมีครู 3 คน คอยดูแลเด็ก ๆ แต่วันนั้นมีแค่ครูเจ้าของศูนย์คนเดียว แต่ต้องดูแลเด็ก ๆ กว่าสิบคน

แพทย์พยายามยื้อชีวิตน้องมา 17 วัน สุดท้ายน้องก็จากไปอย่างสงบ ด้านครูที่เนอร์สเซอรี่ไม่เคยขอโทษสักครั้ง มีบ้างที่มาเยี่ยม แต่มาไม่นานก็ไป เช่นเดียวกับในงานศพ

ล่าสุด เธอไปแจ้งความ สภ.เมืองลำปาง อีกครั้ง เพื่อให้ตรวจสอบถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกชายของเธอต้องเสียชีวิตลงก่อนวัยอันควร

ขอบคุณข้อมูล : โหนกระแส