น้ำมันหอมระเหยจากไม้ดอกและสมุนไพรบางชนิด เป็นสารสกัดมูลค่าสูงที่กำลังเป็นที่นิยมในตลาดโลก ด้วยคุณสมบัติอันหลากหลายที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์
ทั้งในด้านสุขภาพ ความงาม และเวชภัณฑ์ ข้อมูลจาก imarcgroup.com พบว่าในปี 2566 ตลาดน้ำมันหอมระเหยทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 12.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่องแตะ 24.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2575 เช่นเดียวกับตลาดน้ำมันหอมระเหยในประเทศไทยที่ในปี 2565 ตลาดน้ำมันหอมระเหยเติบโตและมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท (ข้อมูลจาก positioningmag.com)
ด้วยโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลกผนวกกับจุดแข็งของประเทศไทยที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายด้านพันธุ์พืชทั้งไม้ดอกและสมุนไพรมากกว่า 20,000 ชนิด ถือเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นดีสำหรับการสกัดน้ำมันหอมระเหย ทีมวิจัยจากภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งประกอบด้วย ผศ.ดร.อาลักษณ์ ทิพยรัตน์ ผศ.ดร.จักรภพ วงศ์วิวัฒน์ ดร.ภัทรินทร์ สุพานิชวาทิน และนายธนบดี มีลาภ
จึงร่วมกันคิดค้น “เครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่จากสมุนไพรและดอกไม้หอมไทยโดยใช้เทคโนโลยีก๊าซตัวทำละลายควบแน่นที่อุณหภูมิและแรงดันต่ำเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตยาแพทย์แผนไทยและเวชสำอาง” ขึ้นเป็นผลสำเร็จ เครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ เป็นวิธีการ
การสกัดน้ำมันหอมระเหยรูปแบบใหม่ที่เป็นระบบปิด (Close Loop System)โดยใช้ก๊าซเป็นตัวทำละลาย (Solvent) ทำให้เกิดการควบแน่นเป็นของเหลว เป็นการสกัดในอุณหภูมิต่ำ -20 องศาเซลเซียส
ซึ่งตัวทำละลายที่ใช้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หมุนเวียนในระบบปิดได้อย่างต่อเนื่อง วิธีนี้ทำให้ได้สารสกัดและสาระสำคัญมูลค่าสูงในปริมาณที่มากมีความบริสุทธิ์สูง ใช้เวลาในการสกัดน้อยลง และสามารถรักษาคุณภาพของสารสกัดไว้ได้มากขึ้นซึ่งสามารถแก้ไขข้อจำกัดของการสกัดน้ำมันหอมละเหยวิธีเดิมอย่างการสกัดวิธีสกัดแบบการกลั่นไอน้ำ (SteamDistillation) หรือ วิธีสกัดด้วยตัวทำละลายอินทรีย์ (Solvent Extraction) ได้
ผศ.ดร.อาลักษณ์ ทิพยรัตน์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมอาหาร คณะวิศวกรรมศาสตร์ และหัวหน้าคณะวิจัยฯ กล่าวว่า จากการทดสอบการสกัดกระท่อม (Mitragyna Speciosa Korth) เพื่อสกัดสาร Mitragynine ที่มีฤทธิ์ในการแก้ปวดคล้ายกับมอร์ฟีน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีมูลค่าสูงถึง 5 ล้านบาทต่อกิโลกรัม ด้วยเครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ พบว่าสามารถสกัดสาร Mitragynineได้ในปริมาณที่มากกว่าวิธีการสกัดแบบเดิมหลายเท่าตัว
โดยปกติแล้วการสกัดสารจากกระท่อม ต้องนำใบกระท่อมมาผ่านการอบแห้งที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียสจนได้เป็นผงกระท่อมแห้งแล้วจึงนำไปสกัด ซึ่งสามารถสกัดสารออกมาได้ประมาณ 1-2% แต่เมื่อนำมาสกัดด้วยเครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ สามารถสกัดจากใบกระท่อมสดได้เลย และได้ปริมาณสารสกัด Mitragynineมากถึง 43% ในระยะเวลาเพียง 10 ชั่วโมง
นอกจากปริมาณที่ได้มากขึ้นแล้ว วิธีการสกัดรูปแบบนี้ยังสามารถคงสภาพสารที่มีสรรพคุณทางยาตัวอื่นๆ อย่างสารประกอบกลุ่มอัลคาลอยด์ (Alkaloids) และสารประกอบกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ไว้ได้ในระดับความเข้มข้นที่มากกว่าวิธีการสกัดปกติ อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือเครื่องนี้เป็นระบบโมบายล์ (Mobile) สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องไปสกัดน้ำมันหอมระเหยได้ที่แปลงปลูกไม้ดอกหรือสมุนไพรของเกษตรกรได้โดยตรง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการส่งวัตถุดิบไปสกัดที่โรงงาน
“ความสดใหม่ของวัตถุดิบที่ตัดแล้วนำเข้าสกัดทันที จะทำให้สารสกัดที่ได้มีคุณภาพและปริมาณที่สูงกว่าวิธีการแบบเดิม ทั้งยังสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับไม้ดอกในช่วงล้นตลาดในพื้นที่นั้นๆ ได้อีกด้วย รวมถึงความสำคัญอีกประการคือ การสามารถลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ที่เกิดจากการขนส่งดอกสดได้อีกด้วย” ผศ.ดร.อาลักษณ์ กล่าวถึงจุดเด่นของงานวิจัย
ผศ.ดร.อาลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยนำเข้าเครื่องสกัดสารมูลค่าสูงอย่างกลุ่มเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยจากต่างประเทศมาโดยตลอด ซึ่งมีราคาสูงในระดับหลายสิบล้านบาท ทั้งยังไม่มีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย ดังนั้นการที่สามารถคิดค้นและผลิตเครื่องสกัดเทอร์ปีนและน้ำมันหอมระเหยแบบเคลื่อนที่ได้ด้วยตัวเอง นอกจากจะประหยัดงบประมาณในการนำเข้าแล้วยังสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยทั้งหมด ประกอบด้วยการผลิตเครื่อง การออกแบบกระบวนการผลิต
การเลือกตัวทำละลายหรือการหาวิธีการที่เหมาะสมในการสกัดพืชหรือสมุนไพรแต่ละชนิด รวมถึงวิธีการซ่อมบำรุงให้กับบุคลากรไทยได้ ซึ่งเป็นการพัฒนากำลังคนในประเทศให้มีความสามารถมากขึ้น รวมถึงยังสามารถส่งต่อองค์ความรู้ที่ค้นพบให้กับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมน้ำมันหอมระเหยของประเทศได้อีกด้วย จึงเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมทั้งระบบ เพื่อให้ประเทศไทยพร้อมคว้าโอกาสทองในตลาดสารสกัดมูลค่าสูงในระดับโลกได้
โดยผลงานนวัตกรรมชิ้นนี้ที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ระดับโลกหลายรางวัล อีกทั้งยังได้รางวัลระดับดีเด่น (สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย)
ในงาน“วันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2567” (ThailandInventors’ Day 2024) ครั้งที่ 25 จัดโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่มีการประกาศไปเมื่อเดือนก.พ. 2567 ที่ผ่านมา!!!
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี