โซเซียลแห่ชื่นชม"น้องน้ำ"สาวศรีสะเกษสู้ชีวิต เจ้าของวลีโดนใจ"หนูยิ้มเพื่อไม่ให้ใครมาสงสาร" เผยทำงานหาเงินเพื่อจุนเจือครอบครัวและส่งเสียให้ตัวเองได้เรียนต่อสูงๆ ด้านแม่เผยฐานะทางบ้านยากจน อยู่ด้วยกัน 5 ชีวิต ตาป่วยเป็นมะเร็ง ส่วนยายขาพิการทั้งสองข้าง ไม่มีไร่นาเป็นของตัวเอง แต่ลูกสาวก็ไม่เคยย่อท้อ ทำทุกอย่างเพื่อดูแลครอบครัว ด้านคุณครูโรงเรียนเก่าบอก เป็นเด็กดี รักการเรียน อยากให้ทุกคนให้โอกาสน้องได้ทำตามความฝันของชีวิตเรียนจบมหาวิทยาลัย
จากกรณีที่มีการโพสต์เล่าเรื่องราวความปลื้มปริ่มของนายชวพจน์ ศุภสาร อาจารย์ประจำสาขาการตลาด คณะบริหารศาสตร์ ม.อุบลราชธานี ซึ่งโพสต์เรื่องราวสุดประทับใจที่ได้สัมภาษณ์นักเรียนใหม่ ซึ่งคือ น้องทิพย์วารี ได้บอกเล่าเรื่องราวว่า อาจารย์คะ หนูเคยน้อยใจมากว่า พ่อแม่ทำไมไม่ดูแลเรา แต่หนูเสียใจและท้อชีวิตจะไม่ได้ไปต่อ หนูจะเสิร์ฟอาหารจนมีเงินมาจ่ายค่าเทอม 17,500 บาท ให้ได้ หนูทำงานได้วันละ 300 บาท แต่ไม่ใช้เลย จะเก็บทุกบาท กินอาหารที่ร้าน บางอย่างก็เคยกินครั้งแรก เช่น สเต็ก เถ้าแก่ใจดีให้กิน เปิดเทอมหนูจะสู้ชีวิต หนูยิ้มเพื่อไม่ให้ใครมาสงสาร หนูจะทำ หนูจะเรียน หนูชอบการตลาดออนไลน์ ร้องไห้อีกรอบ ความสุขของเรือจ้าง หาเงินเรียน เพราะอยากเรียนต่อมาก นั่งรถไฟมาจากโคราชมาถึงตอนเช้าที่อุบลฯเพื่อสอบสัมภาษณ์ ตอนนี้เสิร์ฟอาหารที่ร้านวิลล่า โคราช...สัมภาษณ์ เสร็จนั่งรถไฟกลับ ไปเสิร์ฟอาหารให้ทันตอนเย็น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้าน น้องน้ำ หรือ นางสาวทิพย์วารี นิยมเชื้อ อายุ 20 ปี ซึ่งบ้านน้องน้ำ อยู่ที่บ้านสังกัน ตำบลสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ โดยพอเดินทางไปถึง พบพระครูพิศาลพัฒนโกวิท เจ้าคณะตำบลสำโรงพลัน พร้อมนายฉลาด ชิดชม นายอำเภอไพรบึง ได้นำสิ่งของข้าวสาร และเงินจำนวนหนึ่ง มามอบให้กับทางครอบครัวของน้องน้ำ เพื่อเป็นการให้กำลังใจและเยี่ยมรับฟังปัญหา หลังทราบข่าวว่าน้องเป็นคนดีขยันแต่ฐานะทางบ้านยากจน
โดย นางจันทวี นิละนนท์ อายุ 50 ปี แม่ของน้องน้ำ เปิดเผยว่า น้องน้ำมีพี่น้องรวมบิดามารดาทั้งหมด 3 คน น้องน้ำเป็นลูกคนสุดท้อง ซึ่งพ่อแม่ได้หย่าร้างกันตั้งแต่เด็ก พี่ชาย 2 คน ไปอาศัยอยู่กับพ่อที่กรุงเทพ ส่วนน้องน้ำอาศัยอยู่กับแม่ ซึ่งปัจจุบันตนประกอบอาชีพเกษตรกรไม่มีไร่นาเป็นของตัวเอง เช่าที่นาคนอื่นทำกิน และเป็น อสม. ประจำหมู่บ้านปกติน้องน้ำอาศัยอยู่กับตน คุณยาย คุณตาย และหลาน รวม 5 คน ซึ่งคุณตาป่วยเป็นมะเร็งถุงน้ำดี ส่วนคุณยายป่วยพิการขา 2 ข้างเดินไม่ได้ ส่วนนิสัยใจคอน้องน้ำเป็นเด็กชอบช่วยเหลือสังคมช่วยเหลืองานวัดเป็นเด็กนิสัยอ่อนหวานร่าเริงเป็นจิตอาสาน้องน้ำออกไปทำงานสู้ชีวิตเพื่อจุนเจือครอบครัวและหารายได้เพื่อส่งเสียให้ตัวเองได้เรียนต่อสร้างอนาคตที่ฝันไว้ เป็นคนรักการเรียน อยากจะเรียนสูงๆ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนเก่าของน้องน้ำ คือ โรงเรียนไพรบึงวิทยา ซึ่งก็ได้พบกับคุณครูที่เคยสอน และเคยรู้จักคุ้นกับน้องน้ำ ซึ่งก็คือ คุณครูนางสุพรรณี สมเสนา คุณครูสอนคณิตศาสตร์ โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า พูดถึงนิสัยส่วนตัวของน้องน้ำเป็นเด็กที่อัธยาศัยดีเป็นเด็กที่มีจิตสาธารณะอาสาช่วยงานคุณครูเป็นคนใฝ่เรียนรู้เป็นตัวแทนแข่งยุวกาชาดและได้รับรางวัลกลับมาให้กับโรงเรียน เป็นเด็กตั้งใจเรียนเป็นผู้นำคนได้ อยากให้ทุกคนให้โอกาสน้องผักดันให้น้องไปถึงฝั่งฝันของชีวิต อยากให้น้องเรียนจบมหาวิทยาลัยจะได้เป็นใบเบิกทางให้กับชีวิตน้องได้มีชีวิตและมีอาชีพมีอนาคตที่ดีเอาชนะความลำบากความเเหน็ดเหนื่อยให้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี