พ่อลูก 3 โร่ร้องสื่อ พาเมียไปผ่าคลอด กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา ด้าน รพ.แจง คนไข้มีอาการต่อต้านจากดมยาสลบ ย้ำไม่อยากให้เกิดขึ้น รักษาตามขั้นตอนทุกอย่าง ประสาน สปสช.ตามมาตรา 41 ช่วยเหลือ 400,000 บาท
16 พฤษภาคม 2567 กรณีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อเสิด หนุ่มชาวดอย ได้โพสต์รูปภาพคู่กับภรรยาที่ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล นานกว่า 7 เดือนแล้ว เป็นเจ้าหญิงนิทรา พร้อมเขียนข้อความตัดพ้อว่า โลกใบนี้มีคนมากมายอุตส่าห์เจอกันใช้ชีวิตเดียวกัน 7 ปีมีลูกด้วยกัน 3 คน และสัญญาจะใช้ชีวิตในบั้นปลายในส่วนเล็กๆ แต่แฟนกลับเป็นเจ้าหญิงนิทรา นอนติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องกินอาหารผ่านทางสายยาง เจาะคอในการหายใจ สาเหตุเกิดจากภรรยาได้ไปผ่าคลอดลูกคนเล็กจนเกิดการผิดพลาด ทำให้ภรรยาไม่สามารถจะกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้จึงต้องการคำตอบจากโรงพยาบาล ถึงเรื่องราวดังกล่าว และขอความยุติธรรมพร้อมขอให้ช่วยแชร์ไปยังถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าทำการช่วยเหลือ
ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปที่บ้านกุดชะนวน หมู่ 4 ตำบลมิตรภาพ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พบนายประเสริฐ ศักดิ์เจริญชัยกุล อายุ 38 ปี เจ้าของช่องยูทูปหาปลา กำลังเลี้ยงลูก ทั้งหมด 3 คน คนที่ 1 ผู้ชายอายุ 6 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 คนที่ 2 ผู้หญิงอายุ 4 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 1 และคนสุดท้องอายุ 7 เดือนเพศชาย และแม่อายุ 70 ปี ก็ช่วยคอยเลี้ยงหลาน พอเห็นนักข่าวไปที่บ้านก็ถึงกลับน้ำตาหลั่งออกมา และบอกว่าช่วยผมด้วย หนทางสุดท้าย
จากการสอบถามนายประเสริฐ สามี เล่าว่า ภรรยาชื่อนางสาวเบญจมาศ อัศวสิริมงคล อายุ 31 ปี อาชีพขายของออนไลน์ มีลูกทั้งหมด 3 คน ซึ่ง 2 คนแรกคลอดเองทั้งหมด จนกระทั่งบุตรชายคนที่ 3 ต้องผ่าคลอด เพราะว่าแพทย์อ้างว่า เด็กจะมีน้ำหนัก 4 กิโลกรัม จะทำให้คลอดยาก หากจะใช้เครื่องดูดเด็กออกมาก็จะทำให้เกิดอันตราย แพทย์จึงนัดให้มาทำการผ่าคลอดในช่วงเช้าของวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ด้วยการดมยาสลบ แต่ก่อนหน้านั้นแฟนสาวของตนมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง และไม่มีโรคประจำตัว ก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดก็ยังพูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส และให้กำลังใจกัน
หลังจากผ่าตัดเสร็จ ลูกชายคนเล็กปลอดภัย ส่วนภรรยาอาการโคม่าโรงพยาบาลได้ส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอย่างเร่งด่วน และก็ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้น บอกเพียงว่าให้ทำใจตอนนี้กำลังยื้อชีวิตแฟนสาว จึงทำให้ตนเองนั้นเกิดอาการมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะมันรวดเร็วมาก หลังจากเกิดเหตุได้ 2 วันทางโรงพยาบาลและทีมคณะแพทย์ก็ได้เข้ามาทำการขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับนำเงินใสซองให้จำนวน 5,000 บาท แพมเพิสเด็ก และนมจำนวนหนึ่งมอบให้ในเบื้องต้น
หลังจากนั้นก็พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา 29 วัน ก่อนจะกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลเดิม อีกประมาณ 5 เดือน แต่เกิดการติดเชื้อจึงต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอีกรอบ ล่าสุดพักรักษาตัวได้นานกว่า 10 วันแล้ว และอาการก็ไม่ได้ดีขึ้น ไม่มีการตอบสนองที่ดี โดยแพทย์ก็ได้มาบอกให้ตนเองทำใจไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งทางโรงพยาบาลก็ได้มีการยื่นเบิกเงินมาตรา 41 ระบุไว้ว่า ถ้าผู้รับบริการได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการ สามารถขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้ โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด เป็นจำนวนเงิน 400,000 บาทโดยโอนเข้าบัญชีภรรยา แต่ตนเองต้องการที่จะให้ทีมคณะแพทย์และพยาบาลที่ทำการคลอดลูก ในวันเวลาดังกล่าวออกมาร่วมแสดงความรับผิดชอบ ในการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งมันไม่สามารถที่จะประเมินมูลค่าได้ ซึ่งตอนว่าจะปรึกษาทนายความเพื่อจะฟ้องร้องในขั้นตอนต่อไป หรือผมอาจจะไปแขวนคอเพื่อหาความยุติธรรมที่น่าโรงพยาบาลอำเภอสีคิ้วเพราะชีวิตไม่เหลืออะไรแล้ว รถก็จะถูกไฟแนนซ์ยึดเพราะไม่มีเงินที่จะจ่าย
แพทย์หญิงอารีย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นางสาวเบญจมาศ ได้มาคลอดบุตรที่โรงพยาบาล โดยทางคณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดด้วยการดมยาสลบ ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงสามารถนำตัวบุตรชายออกมาได้โดยสมบูรณ์ ไม่มีผลข้างเคียงอะไร หลังจากนั้นพบว่าแม่มีอาการผิดปกติ หายใจอ่อนลงเพราะขาดอากาศไปเลี้ยงสมอง ทีมคณะแพทย์จึงทำการปั๊มหัวใจและรีบนำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาเพื่อช่วยชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทางโรงพยาบาลก็ได้ทำการคลอดบุตรตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่น่าจะเกิดจากดมยาสลบและร่างกายของคนไข้ต่อต้าน จึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นซึ่งหนึ่งในล้านเท่านั้นที่จะเป็นแบบนี้ โดยทางคณะแพทย์และทีมงานก็ยังเสียขวัญอยู่ และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะก็ได้ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ หลังจากที่เกิดเหตุ ก็ได้รวบรวมเงินเป็นจำนวน 5,000 บาทเพื่อเยี่ยวยาในเบื้องต้น พร้อมกับเจอแพมเพิสและนมไปให้เด็กไว้ใช้ และประสานงานไปยัง สปสช ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ได้กำหนดให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร เป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท โดยทางสปสช.ก็ได้ช่วยเหลือไปเป็นเงินจำนวน 400,000 บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาล ประมาณ 5 เดือน ทางโรงพยาบาลมีการดูแลเหมือนญาติ อำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายกับทางครอบครัว และทางโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ไม่เคยท้าทายทางญาติผู้ป่วยให้ไปฟ้องเพื่อเรียกค่าเสียหาย ตามที่ญาติได้กล่าวอ้างไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี