เพจดังแฉ พระอาจารย์ดำ ผู้วิเศษแห่งเขมราฐ ทำแสบหลอกตุ๋นเงินชาวบ้าน อ้างลงมาปัดเปาความทุกให้มนุษย์
วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 จากกรณี เพจ “อีซ้อขยี้ข่าว 3” ได้โพสต์ภาพพระสงฆ์รูปหนึ่งห่มจีวรดำ และสวมแว่นตาดำ ยืนบนโขดหิน พร้อมระบุข้อความว่า “พระอาจารย์ดำอ้างว่าได้รับภารกิจลงมาช่วยปัดเป่าความทุกข์ให้มนุษย์ เป็นบัญญัติจากสวรรค์ โดยอ้างว่าเป็นหลวงปู่เทพอุดร โดยนำความเชื่อหลังความตาe มาหว่านล้อมลูกศิษย์ ว่ากำลังเจอเคราะห์หนัก ชะตาขาดต้องรีบต่อดวงชะตา คิดค่าทำพิธีครั้งละ 10,000 บาท และจะต้องทำพิธีหลายครั้งหากต่อดวงไม่สำเร็จ ขอฝากสำนักพุทธฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยค่ะ...เขมราฐ จ.อุบลราชธานี”
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปพบกับ น.ส.เบล อายุ 28 ปี ชาว อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ หนึ่งในผู้เสียหาย เล่าว่า ทางบ้านมีเรื่องทุกข์ใจหลังจากที่คุณอา เสียชีวิตไปเมื่อ 3 เดือนก่อน และทางพ่อตนได้รับเงินประกันชีวิตมาจำนวนหนึ่ง ลุงซึ่งเป็นพี่ชายของพ่อ มีความศรัทธาพระอาจารย์ดำ รูปนี้มาก ได้แนะนำให้พ่อไปรู้จักกับพระอาจารย์ดำ พอครอบครัวไปปรึกษา ทางพระอาจารย์ซึ่งอ้างว่า มีหูทิพย์ ตาทิพย์ รู้เห็นทุกอย่าง ก็ได้บอกกับทางครอบครัวนี้ว่า บ้านหลังนี้มีมนต์ดำปกคลุมทั่วทั้งบ้าน ต้องทำพิธีสะเดาะเคราะห์ใหญ่และให้เอาเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของพ่อแม่ และคนในครอบครัว พร้อมวันเดือนปีเกิด และเส้นผม ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ รวมทั้งต้องซื้อผ้าไหมผืนใหม่ มาถวายเพื่อทำพิธีด้วย
ซึ่งตอนแรกทางครอบครัวก็ไม่ได้เชื่อเท่าไหร่ แต่เกรงใจลุง เพราะลุงเขาศรัทธา และรักพระรูปนี้มาก จึงไม่อยากขัดใจลุง และได้จ่ายค่าทำพิธีผ่านลุงไป จำนวน 2 หมื่นบาท และยังอ้างบอกด้วยว่าอาที่เสียชีวิตไปแล้ว อยากได้ทองคำหนัก 1 บาท ให้ซื้อมาถวายด้วย ต่อมาตนจึงสงสัยเกี่ยวกับพระรูปนี้ เพราะไม่เคยจอและไม่เคยรู้จักมาก่อน จึงได้นำรูปภาพพระรูปดังกล่าว มาโพสต์ลงในเพจเฟซบุ๊ค “เขมราฐธานี” พร้อมข้อความระบุว่า “มีใครรู้จักพระรูปนี้ไหมคะ” จากนั้นก็ได้มีคนทักข้อความแชทมาสอบถาม โดยที่ได้ไม่แจ้งกับตนว่าเป็นสาวกของพระรูปดังกล่าว
ตนจึงมีการพูดคุยและและเล่าเรื่องข้องใจต่างๆให้ฟัง ต่อมาคนที่พูดคุยด้วย ก็ได้มีการแคปข้อความสนทนา ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊คบอกว่าจะไปฟ้องหมิ่นประมาท ทำพระอาจารย์ดำเสียหาย และต่อว่าต่างๆนานา พร้อมอ้างว่าลูกศิษย์ของพระอาจารย์ดำเป็นคนใหญ่คนโตมากมาย จะรวบรวมเงินกันจ้างทนายความฟ้องร้องดำเนินคดีกับตนให้ถึงที่สุด
หลังเริ่มมีปัญหาทางพระอาจารย์ก็ได้ให้ลุงตนนำเงินมาคืน จำนวน 2 หมื่นบาท ต่อมาทางคณะลูกศิษย์ได้แจ้งว่าพระอาจารย์ดำ จะเดินทางมาที่บ้านของตน และให้ตนเตรียมตัวขอขมากับพระอาจารย์โดยตรง แต่พอเมื่อถึงเวลาพระอาจารย์ก็ไม่ได้มา มีเพียงลูกศิษย์จำนวนหนึ่งเดินทางมาที่บ้าน พร้อมบังคับให้ตนพิมพ์ข้อความว่า “เมื่อวานที่โพสต์รูปหลวงปู่นี้ไป หนูเข้าใจทุกอย่างผิดไปเอง อยากขอโทษหลวงปู่ทุกอย่างที่ล่วงเกิน ที่ไม่รู้ ทุกอย่างที่กระทบกับคนอื่นๆทุกคนไม่ได้มีเจตนาไม่ดีและขอขมาพระอาจารย์ และทุกคนทั้งที่มีภาพและไม่มีภาพ ที่ล่วงเกินโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงต่างๆ และขอขมาพระอาจารย์ ลูกศิษย์ลูกหา ทุกคน” ลงในเพจเฟซบุ๊ค “เขมราฐธานี” ซึ่งข้อความดังกล่าว กลุ่มลุกศิษย์ที่เดินทางมาที่บ้านกดดันและให้พิมพ์ข้อความดังกล่าวตามที่เขาบอก ตนไม่อยากมีปัญหาจึงได้ทำตามเพื่อให้เรื่องจบๆไป
ด้าน นายบุญมี (นามสมมุติ) อายุ 52 ปี พ่อของน้อง กล่าวว่า จุดเริ่มต้นมาจาก การทำบุญ เพราะว่าน้องเสียชีวิต ได้เงินประกันมาจำนวนหนึ่ง ก็เลยคุยกับพี่ชาย พี่ชายก็แนะนำว่าให้เอาเงินไปทำบุญกับพระอาจารย์องค์นี้ ตนจึงได้ฝากเงินไปทำบุญด้วย และพระก็มาทำพิธีให้ พอลูกสาวมารู้ก็โกรธ ถามว่าศรัทธาไหม บอกไม่ได้ เนื่องจากเพิ่งเคยเจอพระรูปนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อน หรือเสียหายอะไร ทำบุญก็คือทำบุญไปไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เคยบอกกับลูกเหมือนกันว่า อย่าคิดมากเลยเดี๋ยวมันบาป แต่ว่าลูกก็เอาไปโพสต์ มันก็เลยทำให้เรื่องบานปลายจนกลายเป็นกระแสข่าว ตอนนี้ถ้าถามพ่อคิดอย่างไรกับเร่องนี้ พ่อก็บอกว่าสองจิตสองใจ ใจหนึ่งก็อยากให้หาความจริงให้กระจ่าง ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง พระอาจารย์ปฏิบัติดีจริง ก็ศรัทธากันไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : สวรรค์เปิด! ‘พระอาจารย์ดำ’ รับภารกิจ ลงช่วยปัดเป่าความทุกข์มนุษย์ ค่าทำพิธีครั้งละ 1 หมื่น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี