nn….ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา “ข่าวใหญ่” ที่โด่งดังระดับประเทศที่สามารถกลบข่าวอื่นได้เลย เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องปัญหา การแพร่พันธุ์ลามไปอย่างรวดเร็วของ“ปลาหมอคางดำ“มีการแพร่พันธุ์ได้เร็วกว่าปลาชนิดอื่นๆ แถมยังเจริญเติบโตได้ดีใน 4 น้ำ ด้วยนั่นคือ “น้ำจืด น้ำกร่อย น้ำเค็ม”แถมยังอยู่ได้ในพื้นที่ “น้ำเสีย”สรุป คือ เติบโตได้ทุกน้ำเลยทีเดียว....และว่ากันว่า งานนี้ที่ มาที่ไปว่ากันว่า ต้นตอแพร่ครั้งนี้ เกิดจากปลาพวกนี้มันไม่รักดี แหกค่ายจากแล็ปเอกชนแห่งหนึ่ง มากระจายลงแหล่งน้ำมาตั้งแต่ปี 2553 ก่อนเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 เรียกว่ายาวนานมากทีเดียวทำให้แพร่พันธุ์ไปทั่ว ก่อนหน้านี้มีการออกมาพูดของกลุ่มเกษตรกรเรียกร้องให้แก้ปัญหา แต่ไร้การตอบรับจน เกิดปัญหาใหญ่...เพราะปลาชนิดนี้แพร่พันธุ์ได้ไว อีกทั้งยังมีคุณสมบัติประจำตัวแบบพิเศษสุดๆที่ปลาอื่นไม่มี คือ “กินไม่เลือก” เล่นเอาปลาพันธุ์อื่นๆ ในท้องถิ่นแทบไม่เหลือ เป็นปลาที่ทำลายระบบนิเวศน์ครบวงจรเดือดร้อนกระทบกันอย่างหนักทีเดียว....งานนี้เล่นเอา ร.อ.ธรรมนัสพรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ ต้องมานำทัพเองลุยแก้ปัญหา ทันที ด้วยการวางนโยบายปราบ “ปลาหมอคางดำ” ด้วยการรับซื้อจากนักล่า กิโลกรัมละ 15 บาทแม้จะงอกมาอีก 5 บาทเพื่อเอาใจสมาคมประมง อ้างบริการจัดการก็ต้องยอม…แต่เมื่อกลางสัปดาห์ เพื่อให้เกิดความมั่นใจ “ท่านรมว. ธรรมนัส” ควง“อรรถกร ศิริลัทธยากร” รมช.เกษตรฯ พร้อมนำ “เชฟชุมพล” นายชุมพล แจ้งไพร ประธานอนุกรรมการคณะกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร มาร่วมแถลงข่าว“ปลาหมอคางดำ ทำอย่างไรให้เป็นปลาร้า Hygienic” ภายในงาน “Hygienic ปลาร้าไทย เกรียงไกรตลาดโลก” ในการแชร์เทคนิคการแปรรูปปลาหมอคางดำ เป็นน้ำปลาร้า หวังเปิดเส้นทางปลาร้า (เส้นทางปลาแดก) อีกเส้นทางหนึ่งเพราะข้อมูลไทยส่งออกปลาร้าไปต่างประเทศปีละกว่า 2,000 ล้านบาท...ที่สำคัญ ท่านรมต.ธรรมนัสก็ย้ำนักย้ำหนาด้วยว่า “ปลาหมอคางดำ แปรรูปได้หลากหลาย คุณสมบัติเด่น คือ แข็ง กินแล้วแข็ง ท่านชายต้องกินเยอะๆ ไอ้ที่แข็งมันคือ แข็งแรง...”...งานนี้พอได้ยินคำว่า “แข็ง” ก็เล่นเอาบรรดาบิ๊กข้าราชการในกระทรวงหลายๆ คนแอบยิ้มๆกรุ้มกริ่ม แบบออกหน้าออกตาแถมไปกระซิบลูกน้องเหมือนมีความหวังเพราะว่าท่านรมว.การันตี ขนาดนี้แล้ว...เห็นทีต้องลองชิมคุณสมบัติขนาดนี้...แหมๆ งานนี้สงสัยอีกไม่นานนัก“ปลาหมอคางดำ”น่าจะถึงคราวอวสาน…ตายแน่ๆ นะเจ้าปลาหมอเอ้ย...nn