เกษตรกรชาวบุรีรัมย์เผยอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ส่งเสริมและหาตลาดให้กับเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยคั้นน้ำ ซึ่งเป็นอาชีพพื้นถิ่น แต่ขาดการสนับสนุนต้องปลูกเอง ขายเอง ถึงแม้ยอดรายได้จะดี แต่ทำยากโดยเฉพาะผู้สูงอายุ อยากให้รัฐบาลมาสนับสนุนด้านการตลาดและความรู้ด้านการผลิตที่ถูกต้อง
วันที่ 4 ก.ย.67 นายสุเทพ เอยประโคน อายุุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ม.7 บ้านพาชี ต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยสำหรับคั้นน้ำได้ออกมาเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้รับเหมา แต่พออายุมากขึ้นจึงผันตัวมาทำการเกษตร ด้วยการปลูกอ้อยพันธุ์สำหรับคั้นน้ำขาย ปลูกในที่ดินตัวเอง 1 ไร่ปลูกได้ 600 กอ แต่ได้ปรับเปลี่ยนการปลูกแบบใหม่ด้วยการเอาล้อยางรถยนต์เก่ามาตัดแก้มยางออกให้เหลือเฉพาะวงล้อรถยนต์ จากนั้นขุดดินใส่ในวงล้อรถยนต์แล้วปลูกอ้อย สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะป้องกันวัชพืช ดูแลง่าย ตัดหญ้าโดยรอบง่ายไม่ต้องกลัวไปโดนต้นอ้อย ที่สำคัญเวลารดน้ำกับใส่ปู๋ย จะไม่กระจายไปที่อื่น
นายสุเทพ เล่าด้วยว่า หลังจากอ้อยโตพร้อมตัดก็จะเตรียมเครื่องคั้นที่ซื้อมาไว้รอ พ่วงกับรถไถนาออกไปตระเวนรีดอ้อยขายน้ำอ้อยขวดละ 10 บาท มีรายได้วันละประมาณ 500 บาท ปีละประมาณ 180,000 บาท เมื่อหักต้นทุนออกแล้วใน 1 ปีจะมีกำไรจากการขายน้ำอ้อยประมาณ 100,000 บาท รายได้ดังกล่าวถือเป็นรายได้ดีพอใช้ได้หากเปรียบเทียบกับอายุ เพราะงานไม่หนักเหมือนปลูกพืชชนิดอื่น
"สิ่งที่ผมอยากจะฝากไปถึงรัฐบาลชุดใหม่คืออยากให้ส่งเสริมให้เกษตรกรกลุ่มนี้เช่นสนับสนุนวิทยากรมาให้ความรู้ด้านการผลิต หรือการตลาดหรือหาตลาดให้มั่นคงกว่านี้โดยไม่ต้องออกไปเร่ขาย เพราะอาชีพนี้เป็นอาชีพพื้นบ้านที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ประกอบกับผู้สูงอายุซึ่งมีเพิ่งขึ้นให้รัฐออกมาส่งเสริมให้ทำเป็นอาชีพเสริมในเวลาว่างให้มีรายได้เพิ่มขึ้น" นายสุเทพ กล่าว - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี