คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่ 21 มกราคมของทุกปีเป็น “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” ตามที่ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เสนอ หลังการเสียชีวิตของพญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล – หมอกระต่าย จากการถูกรถบิ๊กไบค์ชนขณะกำลังข้ามทางม้าลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อหยุดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนและป้องกันเหตุการณ์รถชนคนข้ามทางม้าลายซ้ำอีก พร้อมทั้งกระตุ้นให้ผู้ใช้ถนนทุกเพศทุกวัยและผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทมีจิตสำนึกการปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
“การเจ็บและตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนน” ยังคงเป็นความสูญเสียสำคัญของประเทศไทย แม้ข้อมูลระดับนานาชาติโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี 2566 ไทยจะหลุด “ท็อปเท็น” ประเทศที่มีความสูญเสียบนท้องถนนมากที่สุดในโลกแล้วก็ตาม โดยลงมาอยู่ในอันดับ 18 ของโลก จากก่อนหน้านั้นในปี 2556 อยู่ในอันดับ 3 ของโลก และหนักสุดในปี 2558 ด้วยการขึ้นไปอยู่ในอันดับ 2 ของโลก ก่อนที่ในปี 2561 จะลงมาอยู่ที่อันดับ 9 ของโลก แต่สถิติผู้เสียชีวิตเกือบสองหมื่นคนต่อปีก็สะท้อนภาพของปัญหาที่ไม่ได้ลดความรุนแรง
ข้อมูลจากรายงาน “สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ประเทศไทย” โดยกองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค พบว่าระหว่างปี 2561 – 2566 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนรวม 92,002 คน ขณะที่ตลอดปี 2567 ประเทศไทยมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นรวม 867,620 ครั้ง ผู้เสียชีวิตสะสม 14,024 คน ผู้บาดเจ็บสะสม 853,424 คน จำนวนผู้พิการ 172 คน กลุ่มอายุ 36-60 ปีคือกลุ่มที่เสียชีวิตมากที่สุด โดยเดือนธันวาคมคือเดือนที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ขณะที่ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือระหว่าง 14.00-17.59 น. วันจันทร์คือวันที่มีจำนวนอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากที่สุด หากพิจารณาสัดส่วนการเสียชีวิตในกลุ่มเด็กและเยาวชนพบว่า การตายมากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 19-24 ปี
‘TSY Program’ กระบวนการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชน เพื่อร่วมกันลดความสูญเสียในกลุ่มเด็กและเยาวชนจากอุบัติเหตุทางถนน กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรคภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ดำเนินโครงการขับเคลื่อนการป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยใช้ TSY Program: Thailand Safe Youth Program ขึ้น โดยได้มีพิธีลงนามความร่วมมือกับ 13 ภาคีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานเมื่อปี 2567
“การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยมายาวนาน กลุ่มเด็กและเยาวชนเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากที่สุด เฉลี่ยปีละ 2,693 คน โดยเฉพาะช่วงอายุ 10 - 19 ปี และคาดการณ์แนวโน้มว่าจะเสียชีวิตเพิ่มขึ้น กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่าย ได้มีข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยร่วมกันสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ Thailand Safe Youth Program และโครงการจัดตั้งชมรมวัคซีนจราจรในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เกิดการแก้ไขอย่างเป็นระบบ” นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดี กรมควบคุมโรคกล่าวถึงปัญหาและแนวทางดำเนินงาน
Thailand Safe Youth หรือ TSY Program คือ กระบวนการแก้ไขปัญหาการเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนในระดับสถานศึกษา ระดับอำเภอ และระดับจังหวัด โครงการนี้พัฒนามาจากผลการวิจัยเรื่องโครงการวิจัยและพัฒนารูปแบบการแก้ปัญหาการตายและบาดเจ็บสำหรับเด็กและเยาวชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ที่มีประสิทธิผลโดยการสอบสวนสาเหตุการบาดเจ็บและตายจากการใช้รถจักรยานยนต์ในกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุน้อยกว่า 20 ปี
และได้ทดลองในพื้นที่นำร่องโดยประยุกต์ใช้แนวคิด ‘Swiss Cheese Model’ ปิดชองว่างของปัญหาทั้งระดับนโยบาย ผู้กำกับดูแล มาตรการการแก้ไข และการส่งเสริมการเรียนรู้ทัศนคติความปลอดภัย (Road Safety Mindset)” ผ่าน 6 กระบวนการ ประกอบด้วย 1.วิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์ (Data and Information) ปัญหาการตายในกลุ่มเด็กและเยาวชนภาพรวมทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
2.พัฒนานโยบายและการขับเคลื่อนกลไกการทำงาน (Policy advocacy) ตั้งแต่ระดับสถานศึกษา อำเภอและจังหวัด 3.สร้างพลังแห่งการทำงานเป็นทีม (Empowerment of teamwork) ร่วมคิด-ร่วมทำ โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และบริหารจัดการบทบาทของแต่ละฝ่ายให้ชัดเจน 4.สร้างมาตรการที่มีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง (Powerful Measures) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถ-ใช้ถนน โดยขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
5.พัฒนาทักษะชีวิต ฉีดวัคซีนจราจร (Life skills and Traffic vaccinations) ให้ความรู้ใน 6 ด้าน และ 6.การติดตามประเมินผล วิเคราะห์ข้อมูลสะท้อนกลับ (Evaluation and Feedback) เช่น การประเมินผลสัมฤทธิ์ของการจัดการเรียนรู้ มาตรการที่ดำเนินการ อัตราการสวมหมวกนิรภัย จำนวนเยาวชนที่มีใบอนุญาตขับขี่เพิ่มขึ้น จำนวนเด็กและเยาวชนที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตลดลงหรือเพิ่มขึ้น รวมถึงประเมินความคุ้มค่าในกระบวนการทำงาน
ตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา โครงการขับเคลื่อนการป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยใช้ TSY Program: Thailand Safe Youth Program ได้เริ่มก้าวที่หนึ่งโดยจัดอบรมการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพวิทยากรมืออาชีพเพื่อจัดการความปลอดภัยทางถนนในกลุ่มเด็กและเยาวชน (Thailand Road Safety Team) รวม 4 ภาคเพื่อให้เกิดกลไกการดำเนินงานในระดับพื้นที่ขึ้น และมีวิทยากรที่มีประสิทธิภาพเพื่อไปจัดกระบวนการเรียนรู้ในกลุ่มเด็กและเยาวชน
“เราทุกคนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และติดตามการทำงานเพื่อลดปัญหาให้ได้ตามแผนของประเทศ จึงรวมพลังกันเป็น Thailand Road Safety Team เป็นการร่วมกันจัดการความปลอดภัยของสถานศึกษาและการส่งเสริมพฤติกรรมความปลอดภัย ทั้งการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย การจัดการความปลอดภัยของรถรับ - ส่งนักเรียน การจัดการระบบจราจรบริเวณหน้าสถานศึกษาหรือบริเวณทางข้าม และการขับขี่รถจักรยานยนต์” พญ.สิริรัตน์ สุวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการ กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค ให้รายละเอียดเป้าหมายของโครงการ
ความร่วมมือในการขับเคลื่อนโครงการนี้ นับเป็นอีกความหวังของการลดการสูญเสียเด็กและเยาวชนไทยจากอุบัติเหตุบนท้องถนน!!
อ้างอิง
https://ddc.moph.go.th/dip/journal_detail.php?publish=15876&deptcode=dip (สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน ประเทศไทย ปี 2567: กรมควบคุมโรค 12 ก.ค. 2567)
https://www.nso.go.th/public/e-book/NSOLetsRead/population.html (11 กรกฎาคม...วันประชากรโลก 2567: สำนักงานสถิติแห่งชาติ 11 ก.ค. 2567)
https://www.thaihealth.or.th/สร้างภูมิคุ้มกันขับขี่/ (สร้างภูมิคุ้มกันขับขี่ปลอดภัย ปลูกฝังวินัยด้วยวัคซีนจราจร: สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ-สสส. 28 มี.ค.2567)
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี