พ่อแม่เปิดใจทั้งน้ำตา เสียลูกชายคนโตตึกถล่ม เตรียมรับร่างไร้วิญญาณกลับบ้านถึงเย็นวันนี้ คืนก่อนตึกถล่มลูกชายพูดเป็นลาง ปกติไม่เคยบอกรักแม่โทรมาหา 'ผมรักแม่นะให้แม่ดูแลตัวเองดีๆ' เขาเคยรอดตายจากการจมน้ำมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ครั้งนี้ไม่มีปาฏิหาริย์ ส่วนพ่อน้ำตาลูกชายไหลออกมา สงสารลูกชายตั้งแต่เกิดมาไม่ค่อยได้อยู่บ้านไปทำงานเมืองกรุงมาเข้าฝันบอกหิวน้ำ

31 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตึกก่อสร้างของตึกสำนักงาน สตง. ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคมทีผ่านมา ในพื้นเขตเขตจตุจักร กรุงเทพฯ จนทำคนงานเสียชีวิตและยังติดอยู่ในซากตึกเกือบร้อยชีวิต เจ้าหน้าที่ฯทุกหน่วยทำงานแข่งกับเวลาเร่งให้การช่วยเหลือ พบทั้งร่างผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

ล่าสุดที่อุดรธานี มีรายงานว่าพบแรงงานที่ทำงานอยู่บนตึกดังกล่าวเสียชีวิต 2 ราย รายแรกเป็นชาว อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี และอีกรายอยู่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

สำหรับหนุ่มอุดรธานีที่พบศพเมื่อเช้านี้ (31มี.ค.) จากตึกถล่มครั้งนี้คือนายกิตติกร หรือ “ตั๋ง” ต้นกันยา อายุ 32 ปี โดยวันนี้ที่บ้านนาเหล่า ต.หนองกุงศรี อ.โนนสะอาด จ.อุดรธานี มีเจ้าหน้าที่จากแรงงานอุดรธานี,จัดหางาน,เจ้าหน้าที่ พม.อุดรธานี,เจ้าหน้าที่จากประกันสังคมจ.อุดรธานี เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจแก่ครอบครัวและแจ้งสิทธิในการช่วยเหลือ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของผู้เป็นพ่อและแม่เป็นอย่างมาก

นางไกรสร ต้นกันยา อายุ 57 ปี แม่นายกิตติพร ตนกันยา หรือตั๋ง อายุ 32 ปี เล่าว่า ตนมีลูก 3 คน ตั๋งเป็นลูกชายคนโต ตั๋งออกไปทำงานรับจ้างก่อสร้างกับพี่ที่รู้จักกันทำงานเกี่ยวกับเดินท่อน้ำประปา ก่อนหน้าจะย้ายมาทำงานที่กรุงเทพฯ เขาก็เพิ่งเสร็จงานที่ภูเก็ต ทำได้เพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น จากนั้นก็เกิดเหตุตึกถล่ม ตั๋งทำงานได้เงินก็จะแบ่งเงินมาดูแม่ทุกเดือนเดือนละ 2,000 บาท

ล่าสุดคืนก่อนเกิดเหตุตึกถล่มแค่คืนเดียว ตั๋งวีดีโอคอลมาคุยกับแม่บอกว่าจะส่งเงินมาให้ สงกรานต์ไม่รู้จะได้กลับบ้านหรือเปล่า ถ้าไม่ได้กลับก็จะโอนเงินไปให้ใช้ ตอนคุยกันตั๋งก็พูดแปลกๆ บอกว่าให้ดูแลตัวเองนะ “ผมรักแม่” ตนก็เอะใจเพราะลูกชายไม่เคยพูดแบบนี้และก็ไม่คิดว่าคำพูดนี้จะเป็นคำพูดสุดท้าย ตอนที่เราวีดีโอคุยกันตอนนั้นสีหน้าลูกก็ดูเศร้าๆ เช้าวันต่อมาก็ได้ยินข่าวว่าตึกถล่ม หลังตึกถล่มจากแผ่นดินไหวตนก็ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง

ตลอดระยะเวลาที่แม่รอฟังข่าวลูกชาย กินไม่ได้นอนไม่หลับ คิดอยู่ในใจตลอดว่าลูกจะอยู่ยังไงกินยังไง ก่อนที่จะรู้ว่าลูกชายเสียชีวิตนั้นตนก็ไปดูหมอดูหมอดูก็บอกว่า ลูกชายนอนตะแคงถูกเหล็กทับอยู่ในกองซากตึก หากดวงวิญญาณของลูกชายรับรู้อยากจะบอกลูกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงแม่ ขอให้ดวงวิญาณไปที่สุขสบายไม่ต้องมาเป็นห่วง แม่ดูแลตัวเองได้ สำหรับลูกชายคนนี้เป็นคนอาภัพ ตอนอายุ 13 ปี เคยรอดชีวิตเคยรอดชีวิตจากการจมน้ำมาแล้วครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ศพของผู้ชายนั้นนายจ้างเขาจะนำกลับมาเป็นบำเพ็ญกุศลศพที่บ้าน ซึ่งหากศพมาถึงจะตั้งบำเพ็ญกุศล 1 คืนและทำการฌาปนกิจศพเลย คนเป็นแม่ได้ยินลูกชายถูกตึกถล่มลงมา ก็หวังจะได้เห็นหน้าลูกชายตัวเป็น แต่เช้าวันนี้ทราบข่าวร้ายลูกสาวโทรมาบอกว่าตั๋งเสียชีวิตแล้ว ปาฏิหาริย์ลูกชายแม่ไม่มีอยู่จริง หัวอกแม่พูดไปน้ำตาก็ไหลออกมา

นายอำนาจ ต้นกันยา อายุ 58 ปี พ่อของตั๋ง เล่าว่า ตอนนี้ทราบข่าวผู้แล้วว่าลูกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ลูกชายไปทำงานกับผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นคนรู้จักกันได้ประมาณ 3 ปี บริษัทนั้นไม่รู้ว่าเป็นบริษัทอะไรเท่าที่รู้เป็นผู้รับช่วงต่อ ลูกชายคนนี้เป็นลูกชายคนแรกจาก ลูก 3 คน นิสัยเขาเป็นคนไม่ค่อยมีปัญหากับใคร ลักษณะตุ้งติ้งนิสัยเหมือนผู้หญิง หลังเหตุตึกถล่มลูกชายก็มาเข้าฝันบอกว่าหิวน้ำ ในฝันตนก็บอกลูกชายบอกว่าถ้าหิวน้ำก็ไปกินน้ำ แต่ในฝันลูกก็ตอบว่าผมไปไม่ได้ปูนทับอยู่ “หากดวงวิญญาณรับรู้อยากบอกว่าตนรักและคิดถึง ถึงพ่อจะปากแบบนั้น และพูดอะไรไปแบบไหนพ่อก็รักตลอด” คุณพ่อพูดไปน้ำตาก็คลอเบ้าตลอดเวลา

ทางด้านนางภัททิรา ครุฑกุล ประกันสังคมจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากได้รับทราบข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุตึกถล่ม ทราบว่าเป็นชาวจ.อุดรธานี 2 รายคือที่อ.โนนสะอาด 1 รายและอ.บ้านดุง 1 รายทั้งสองคนเสียชีวิต วันนี้เจ้าหน้าที่หลานหน่วยในจ.อุดรธานี เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจและแจ้งสิทธิช่วยเหลือเบื้องต้น  จากการสอบถามทราบว่าผู้เสียชีวิตจะได้สิทธิประโยชน์จากกองทุนชราภาพ และจากกองทุนทดแทน คือ ค่าทำศพ 50,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีเงินทดแทนกรณีเสียชีวิตเป็นรายเดือนอีก 100 ละ 70 เปอร์เซ็นของเงินเดือนเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยเงินจำนวนนี้ทายาทตามกฎหมายจะได้รับ ส่วนเงินจะได้รับเท่าไหร่นั้นขอตรวจสอบก่อนว่าเงินเดือนของผู้เสียชีวิตได้เดือนละเท่าไหร่ ส่วนในช่วงบ่ายทางเจ้าหน้าที่ฯก็จะได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของแรงงานที่ตึกถล่มที่ อ.บ้านดุง อีกรายหนึ่งด้วย

.012