คุณยายวัย 80 ปีเศรษฐีนีพันล้าน ลูกศิษย์หลวงปู่วิริยังค์ เสียชีวิตในท่าสมาธิ เจ้าของสถาบันจิตตานุภาพ 123 ไดอารี่คือพินัยกรรมมอบสมบัติให้ใคร

19 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 09.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.สัจจนันท์ บางทราย รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 คาดมีผู้เสียชีวิตในห้องนอนในอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น บริเวณสี่แยกเจ้าพระยา เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยศรีสัตตฯ และตำรวจสายตรวจร่วมตรวจสอบ

พบว่าอาคารหลังดังกล่าวเลขที่ 38 ติดอยู่ที่กล่องแดง พร้อมสติ๊กเกอร์สถาบันพลังจิตตานุภาพ 123 วัดมหาธาตุ จ.นครพนม ส่วนชั้นล่างเปิดให้เช่าเป็นร้านขายสินค้า และทราบชื่อเจ้าของอาคารคือนางเจริญศรี อรุณปราการ หรือรู้จักกันในนามคุณยาย แต่ลูกศิษย์จะเรียกว่าอาจารย์แม่ อายุ 80 ปี โดยพักอยู่บนชั้นสองเพียงลำพังคนเดียว

ในเบื้องต้นทราบจากคำบอกเล่าผู้เช่าห้องชั้นล่างว่า คุณยายจะเดินขึ้นห้องชั้นสองโดยใช้ประตูด้านหลังตึกเสมอ แต่ช่วงวันสองวันมานี้ไม่พบหน้าคุณยายเลย และโดยปกติลูกศิษย์หลายคนจะนำถุงอาหาร มาแขวนไว้ที่ประตูเหล็กด้านข้างตึกประจำ แต่วันนี้เห็นผิดสังเกตเพราะกุญแจถูกล็อกจากด้านใน จึงตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ เลยถือวิสาสะปีนประตูเหล็กข้ามไปงัดประตูหลัง เดินขึ้นไปชั้นสองเคาะประตูห้องนอนเรียกหลายครั้ง ก็ไม่มีเสียงตอบรับแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะเกิดเหตุร้ายกับอาจารย์แม่จึงแจ้ง 191 ดังกล่าว

พนักงานสอบสวนจึงเชิญประธานชุมชน ร่วมเป็นพยานเพื่อของัดประตูห้องนอนเพื่อพิสูจน์ ปรากฏว่าพบร่างอาจารย์แม่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง ในลักษณะสองมือประสานกัน เหมือนนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม จึงแจ้งแพทย์เวร รพ.นครพนม ร่วมชันสูตรพลิกศพ โดยไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือบาดแผลใดๆ เมื่อตรวจสอบชั้นสองของอาคาร มีกล้องวงจรปิดไว้หลายจุด จึงนำเมมโมรี่มาตรวจเช็ค ก็ไม่พบว่ามีใครเข้ามาบริเวณนี้ มีเพียงคุณยายที่เดินมาเข้าเปิดประตูห้องเพียงผู้เดียว และทราบจากประธานชุมชนว่า คุณยายไม่มีญาติอยู่ในพื้นที่นครพนม ส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ ใกล้สุดอยู่ จ.สกลนคร จึงได้โทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายให้ทางญาติทราบแล้ว พร้อมนำศพคุณยายไปเก็บไว้ที่ห้องดับจิต รพ.นครพนม รอญาติมาดำเนินการขอรับร่างไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี

จากการสอบสวนทราบว่า คุณยายเป็นเศรษฐีนีมีทรัพย์สมบัติ ทั้งอาคาร ที่ดินมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เคยมีครอบครัวแต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ปัจจุบันอยู่ตัวคนเดียวและเป็นคนธรรมมะธรรมโม เข้าวัดถือศีลเป็นกิจวัตร โดยได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของสมเด็จพระญาณวชิโรดม หรือหลวงปู่วิริยังค์ สิรินฺธโร วัดธรรมมงคล เขตพระโขนง กทม. และเป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาในการปฏิบัติวิปัสสนาของสถาบันจิตตานุภาพ จึงขออนุญาตจัดตั้งสถาบันจิตตานุภาต สาขาที่ 123 จากทั้งหมด 324 สาขาทั้งในและต่างประเทศ ที่วัดมหาธาตุ เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ต่อมาคุณยายได้บริจาคที่ดินกว่า 10 ไร่ มูลค่าไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท บริเวณริมถนนเข้าบ้านนาสมดี ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม เป็นสถานที่ตั้งสถาบันอีกด้วย

สอบถามผู้ใกล้ชิดคุณยาย ทราบเพิ่มเติมว่าท่านจะมีโรคประจำตัวคือความดันโลหิตสูง รับประทานยาตามแพทย์สั่ง พร้อมกับการนั่งสมาธิควบคู่กัน เป็นคนมีจิตใจโอบอ้อมอารีกับทุกคน ทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์คืออาคารกลางใจเมืองนครพนมหลายสิบหลัง ลำพังราคาที่ดินอย่างเดียวก็มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท ยังไม่รวมที่ดินที่มีอีกกว่าร้อยไร่ เนื่องจากคุณยายอยู่ในครอบครัวคนเก่าคนแก่ของจังหวัดนครพนม ซึ่งในสมัยนั้นราคาที่ดินยังไม่แพงระยิบเหมือนในปัจจุบัน

โดย พ.ต.ท.สมพงษ์ แรงรอบ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ธาตุพนม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์แม่ เปิดเผยว่าหลังทราบการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายทางวิทยุสื่อสารของตำรวจ จึงรีบเดินทางมาดู พบสภาพของท่านกึ่งนั่งกึ่งนอนในท่าสมาธิเหมือนคนนอนหลับ เชื่อว่าท่านมีอาการโรคประจำตัวกำเริบ จึงนั่งสมาธิกำหนดจิตจนสิ้นลม แพทย์เวรตรวจแล้วสันนิษฐานว่าเสียชีวิตไปประมาณ 10-12 ชั่วโมง เพราะเนื้อตัวท่านยังนิ่มอยู่

ด้าน นางจันทร์เพ็ญ อุสุพันธ์ อายุ 67 ปี ลูกศิษย์คนสนิทอีกคน เล่าว่าอาจารย์แม่จะโทรศัพท์เรียกใช้ตน กรณีรับส่งไปยังสถาบันจิตตานุภาพ ทุกเช้าลูกศิษย์ก็จะนำอาหารใส่ถุงหิ้วมาแขวนไว้ที่ประตูเหล็กเสมอ เท่าที่ทราบคุณยายมีโฉนดหลายใบ ชอบเก็บซุกไว้ในหนังสือพิมพ์ ถ้าหาไม่เจอก็จะเรียกตนให้มาช่วยหา และท่านจะมีสมุดไดอารี่ติดตัวตลอด ทรัพย์สิน ที่ดิน ตึกอาคาร ท่านจะมอบให้ใครทุกอย่างจะอยู่ในสมุดบันทึกเล่มนั้น เหมือนเป็นพินัยกรรมที่อยู่ติดกายท่านเสมอ

สำหรับศพคุณยายเจริญศรี อรุณปราการ ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยทางญาติยังไม่ได้หารือ เพื่อกำหนดวันฌาปนกิจ

.012