วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
จัดการแผงลอยแบบ‘สิงคโปร์’ ทำอย่างไรทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้

จัดการแผงลอยแบบ‘สิงคโปร์’ ทำอย่างไรทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้

วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : แผงลอยสิงคโปร์ หาบเร่แผงลอย
  •  

เอ่ยถึง “หาบเร่แผงลอย” หรือผู้ทำการค้าริมทางในพื้นที่สาธารณะ ในประเทศไทยมักมี “วิวาทะ” ระหว่างฝ่ายสนับสนุนที่เห็นว่าอาชีพนี้เป็นแหล่งอาหารราคาประหยัดและสะดวกสำหรับคนในเมือง อีกทั้งยังเป็นช่องทางเลี้ยงชีวิตของคนระดับฐานราก กับฝ่ายคัดค้านที่เห็นว่าหาบเร่แผงลอยเป็นสัญลักษณ์ของบ้านเมืองที่ไร้ระเบียบ และผู้ประกอบอาชีพนี้คือผู้เอาเปรียบสังคมเพราะไม่จ่ายภาษี ซึ่งหนึ่งในทางออกนอกเหนือจากการกวาดล้างขับไล่ ที่ผ่านมาก็มีการพูดถึง “สิงตโปร์โมเดล” ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำมาใช้ในไทย

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ (Homenet Thauland) ร่วมกับ สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการสัมมนา “Hawker Center สิงคโปร์ บทเรียนเพื่อการพัฒนาหาบเร่แผงลอยในประเทศไทย” ชวนวิทยากรจากสิงคโปร์ 2 ท่าน มาให้มุมมองในเรื่องนี้ โดย ไลชีเกียน (Lai Chee Kien) ผู้เขียน Early Hawkers in Singapore และ Hawker Centre Food เล่าถึงประวัติศาสตร์นโยบายหาบเร่แผงลอยในสิงคโปร์ แบ่งออกเป็น 4 ยุค คือ


1.ช่วงปี 2451 – 2485 ก่อนหน้านั้นในปี 2450 มีการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาแก้ปัญหาความแออัดบนท้องถนน เปิดพื้นที่ด้านหลังอาคารตึกแถวให้แผงลอยย้ายเข้าไปอยู่ และท้องถิ่นก็เริ่มเสนอแนวคิดการสร้าง Hawker Center เพื่อย้ายผู้ค้าเข้าไปอยู่ โดยเริ่มต้นมีการสร้าง 6 แห่ง ก่อนจะหยุดไปเนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 (ปี 2484 -2488) แต่จากสถานการณ์สงครามก็ทำให้มีคนยึดอาชีพหาบเร่แผงลอยมากขึ้น

2.ช่วงปี 2493 – 2508 ยุคนี้เริ่มเห็นปัญหาของหาบเร่แผงลอย ยุคนี้เริ่มมีการพูดถึงปัญหามลพิษ ขณะที่การสร้าง Hawker Center เริ่มกำหนดให้ต้องมีหลังคา และกำหนดให้ผู้ค้าต้องติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน 3.ช่วงปี 2511 – 2528 เป็นยุคปฏิรูป Hawker Center โดยหลังจากปี 2508 เมื่อสิงคโปร์มีสถานะเป็นประเทศเอกราช มีการประกาศเป้าหมาย “สิงคโปร์สะอาด (Singapore  Clean)”  การจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยเริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งการสำรวจจำนวนผู้ค้า การออกกฎหมายด้านสาธารณสุข

“หลังการสำรวจ ทางออกระยะสั้นคือให้มีการออกใบอนุญาตและพื้นที่จุดผ่อนผันชั่วคราวขึ้นมา ต่อมามีนโยบายช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบากในสังคม เพราะผู้ค้าก็ไม่ได้มีข้อได้เปรียบในชีวิตเท่าไหร่ ค่อนข้างยากจนเลยทีเดียวก็ว่าได้ ฉะนั้นเขาก็ต้องพึ่งพาสิทธิประโยชน์ที่ให้มาจากทางภาครัฐ อยากให้เขาเข้าโรงเรียน มีการศึกษา เพื่อที่จะขจัดข้อเสียเปรียบต่างๆ และระยะยาวจะเป็นการสร้างตลาดและ Hawker Center ผ่านนโยบายเหล่านี้ ก็เริ่มทำการสร้าง Hawker Center แยกออกมาเดี่ยวๆ เป็นอันแรกในปี 2514 ที่ถนน Newton Circus” ไล กล่าว

ในยุคที่ 3 ของการบริหารจัดการ (หรือจัดระเบียบ) หาบเร่แผงลอยในสิงคโปร์ ศูนย์อาหารหรือ Hawker Center เริ่มถูกมองในฐานะ “สถานที่ท่องเที่ยว” มีการออกกฎหมายว่าด้วยการขายอาหาร พร้อมกับให้ความรู้กับผู้ค้าเรื่องการประกอบอาหารที่ถูกสุขอนามัย มีระบบใบอนุญาตซึ่งกำหนดว่าผู้ค้าจะต้องเป็นชาวสิงคโปร์หรือชาวต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้พักอาศัยระยะยาว (Permanent Residence) ให้ความสำคัญกับความสะอาดและสิ่งแวดล้อมบริเวณรอบพื้นที่ทำการค้า ยุคนี้มีการก่อสร้างศูนย์อาหารเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากเพื่อรองรับผู้ค้าให้ครอบคลุม

หาบเร่แผงลอยในสิงคโปร์ยังดำเนินการคู่กับโครงการที่อยู่อาศัยชองภาครัฐ (Public Housing) กล่าวคือ ในโครงการหนึ่งจะประกอบด้วยส่วนของที่อยู่อาศัย ตลาดและศูนย์อาหาร และ 4.ช่วงปี 2554 เป็นต้นมา ยังคงมีการก่อสร้างศูนย์อาหารเพิ่มขึ้น และบางสถานที่ถูกออกแบบอย่างสวยงาม เช่นที่ Bukit Panjang รวมถึงเกิดรูปแบบการประกอบกิจการอย่างวิสาหกิจเพื่อสังคมหรือสหกรณ์ขึ้น

ขณะที่ เคเอฟ ซีโตห์ (KF Seetoh) ผู้ก่อตั้ง Makansutra และนักรณรงค์ให้ Hawker Culture ได้รับการขึ้นทะเบียน UNESCO ฉายภาพประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ตั้งแต่ยุคยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ดินแดนแห่งนี้เคยสกปรกมาก ไม่มีเรื่องสุขอนามัยใดๆ และเจ้าอาณานิคมก็ไมได้สนใจจะดูแลให้ดีขึ้นเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม สิงคโปร์เป็นดินแดนของผู้อพยพ และคนเหล่านี้ก็นำวัฒนธรรมอาหารติดตัวมาด้วย สิงคโปร์จึงมีทั้งอาหารจีน อินเดีย อาหรับ อินโดนีเซีย ฯลฯ และมีร้านอาหารเกิดขึ้นริมทางมากมาย แต่ในความนิยมนั้นก็มีเสียงสะท้อนปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดของอาหารและพื้นที่ทำการค้า

อย่างไรก็ตาม มีเจ้าหน้าที่รัฐท่านหนึ่งในยุคนั้นได้เตือนว่า “เราไม่สามารถขับไล่หาบเร่แผงลอยออกไปได้ เพราะนี่คืออาชีพที่ผลิตอาหารราคาไม่แพงให้กับผู้คน” จนทำให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจใช้แนวทางจัดระเบียบแทนที่จะเป็นการกวาดล้าง เกิดการสำรวจและขึ้นทะเบียนผู้ค้า เสียภาษีเข้ารัฐ มีข้อกำหนดต่างๆ ในการประกอบอาชีพ ซึ่งรวมถึงการต้องขายเองไม่ใช่ได้ใบอนุญาตแล้วนำไปปล่อยให้ผู้อื่นมารับช่วงต่อเป็นทอดๆ จากนั้นได้นำไปสู่ “การสร้าง Hawker Center ในพื้นที่ทำเลดี” เพื่อรองรับการย้ายออกจากท้องถนนของผู้ค้า

สำหรับกฎระเบียบการใช้ Hawker Center รัฐจะลงทุนสร้างสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ตั้งแต่อาคาร ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบระบายอากาศ ฯลฯ ในขณะที่ผู้ค้ามีหน้าที่รักษาความสะอาด เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจที่จะมารับประทานอาหารได้ทุกวัน “การมี Hawker Center ที่สร้างโดยภาครัฐ ยังช่วยตรึงราคาค่าเช่าสถานที่ค้าขายในตลาดของเอกชนด้วย” เพราะทำให้เอกชนเจ้าของพื้นที่ไม่กล้าขึ้นค่าเช่ากับผู้ค้าตามอำเภอใจเนื่องจากมีค่าเช่าสถานที่ของรัฐเป็นตัวเปรียบเทียบ

แต่กว่าที่จะมีชื่อเสียงเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ก็เคยมี “ยุคมืด” อยู่เช่นกัน อาทิ Newton Hawker Center ซึ่งเป็นศูนย์อาหารที่สร้างขึ้นในยุค 1980 (ปี 2523 – 2532) และเป็นที่แรกๆ ที่ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือน แต่ก็พบปัญหา “นักท่องเที่ยวถูกเอาเปรียบ” เช่น มีเรื่องเล่าว่าชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งถูกเรียกเก็บค่าอาหารถึง 10,000 เหรียญสหรัฐ เพราะผู้ค้าไม่แสดงราคาอาหารให้ชัดเจน ทำให้ทางการสิงคโปร์เอาจริง ผู้ค้าที่มีพฤติกรรมแบบนี้จะถูกลงโทษปรับอย่างรุนแรงและถูกเพิกถอนสิทธิการใช้พื้นที่ทำการค้า จนระยะหลังๆ สถานการณ์ก็ดีขึ้น

“แน่นอนว่าเราอาจเรียนรู้จากสิงคโปร์ได้ แต่ผมแนะนำว่าอย่าไปเลียนแบบสิงคโปร์ เพราะเรามีบริบทต่างกัน เราอาจเลียนแบบบางอย่างแล้วพัฒนาให้ดี ให้เหมาะสมกับประเทศไทย” ซีโตห์ ฝากข้อคิด

หมายเหตุ : ขอบคุณภาพประกอบจาก Lai Chee Kien       

                                                                          SCOOP.NAEWNA@HOTMAIL.COM

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘กทม.’เปิดรับความเห็นถึง 31 ม.ค.นี้  ประกาศคุม‘หาบเร่แผงลอย’ฉบับใหม่ ‘กทม.’เปิดรับความเห็นถึง 31 ม.ค.นี้ ประกาศคุม‘หาบเร่แผงลอย’ฉบับใหม่
  •  

Breaking News

จับแก๊งตุ๋นขายปุ๋ยยี่ห้อดังพบมีเงินหมุน5ล้าน

แจ้งจับ‘นายกฯ’! อดีต สว.ผนึกพันธมิตรร้องเอาผิด ชี้เป็นภัยความมั่นคง จี้ลาออกเซ่นคลิปคุยลุงฮุน

'โอปอล-สุชาตา'มิสเวิลด์ 2025ถ่ายภาพร่วมกันในงานแถลงข่าว'New Season New Home'

แซ่บ!ถึงเครื่อง'เต้ กันตนา'ถอดจริงเปลือยท่อนล่างโชว์ผิวเนียนสวย สะกดทุกสายตา!

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved