จากกรณีที่กัมพูชายื่นเรื่องต่อยูเนสโก โดยกล่าวอ้างว่า วัดภูม่านฟ้า จังหวัดบุรีรัมย์ มีสถาปัตยกรรมที่ลอกเลียนแบบปราสาทนครวัดนั้น ทางวัดภูม่านฟ้าได้ออกมายืนยันหนักแน่นว่า การก่อสร้างทั้งหมดเป็นไปตามภูมิปัญญาไทย โดยได้รับแรงบันดาลใจจากปราสาทพนมรุ้งและปราสาทพิมาย ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญในประเทศไทย

วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ระหว่างการประชุมพิจารณารายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก นางเฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและศิลปกรรมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ได้กล่าวแสดงความกังวลว่าการก่อสร้างวัดภูม่านฟ้าเป็นการ "เลียนแบบนครวัด" ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณค่าโดดเด่นอันเป็นสากลของปราสาทนครวัด และสร้างบรรทัดฐานที่เป็นอันตรายต่อแหล่งมรดกโลก

ทางด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ได้กล่าวโต้แย้งในเวทีดังกล่าวว่า ประเทศไทยเชื่อมั่นว่ามรดกทางวัฒนธรรมควรเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ไม่ใช่นำมาซึ่งความแตกแยก และรู้สึกประหลาดใจกับคำกล่าวอ้างของฝ่ายกัมพูชา โดยย้ำว่าเวทีนี้ไม่เหมาะสมที่จะหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพิจารณา พร้อมชี้แจงว่า วัดภูม่านฟ้าเป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบศิลปะและสถาปัตยกรรมจากแหล่งโบราณสถานต่าง ๆ ในประเทศไทย จึงไม่ใช่การลอกเลียนแบบปราสาทนครวัดแต่อย่างใด

นายพีระวัฒน์ จันทสิทธิ์ ไวยาวัจกรวัดภูม่านฟ้า ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้เคยมีการทักท้วงจากกัมพูชามาแล้ว แต่จากการศึกษาข้อมูลการก่อสร้างวัดภูม่านฟ้าอย่างละเอียด พบว่าไม่มีการลอกเลียนแบบปราสาทนครวัดแต่อย่างใด การก่อสร้างทั้งหมดเป็นภูมิปัญญาของคนไทยและพระสงฆ์ในประเทศไทย โดยจำลองมาจากปราสาทหินพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ และปราสาทหินพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สืบทอดมาแต่โบราณในประเทศไทย ไวยาวัจกรยังกล่าวเสริมว่า การกล่าวอ้างดังกล่าวของกัมพูชาอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

สถาปัตยกรรมของไทยและกัมพูชามีส่วนคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดอีสานตอนล่างที่ติดกับประเทศกัมพูชา ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ อย่างไรก็ตาม นายวี นักท่องเที่ยวจากจังหวัดมหาสารคามให้ความเห็นว่า สถาปัตยกรรมของวัดภูม่านฟ้ามีความคล้ายคลึงกับศิลปะขอมโบราณ แต่ก็มีความเป็นพุทธและมีความเป็นร่วมสมัยผสมผสานกัน ซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์และวิวัฒนาการของศิลปะไทย