หมายเหตุ : บทความนี้ “เป็นบทความที่เกิดจากการตั้งคำถามเพื่อถาม Chula GENIE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Generative AI ที่พัฒนาขึ้นโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมมือกับ Google Cloud เกี่ยวกับวิกฤตประชากรไทย” จากภาวะที่สังคมไทยอยู่ในสถานการณ์ ตายมากกว่าเกิดตั้งแต่พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นวิกฤตทางประชากรที่จะทำให้ประชากรไทยลดลงอย่างรวดเร็ว ตามคำถามที่จะได้ยกขึ้นถามจีนี่ต่อไปนี้
“คำถาม” มีการคาดประมาณประชากรไทยโดยใช้ โปรแกรม Spectrum 6 โดยมีประชากรฐานปี 2023 อยู่ 66.054 ล้านคน TFR เริ่มที่ 1.16 และลดลงเหลือ 0.5 ผลการคาดประมาณพบว่าประชากร ในปี 2083 ลดลงครึ่งหนึ่ง ประชากรวัย 0-14 ลดจาก 10 ล้านเหลือ 1 ล้านคน ประชากรวัย 15-64 ลดจาก 46 ล้าน เหลือ 14 ล้านคน ในขณะที่ประชากรวัย 65 ขึ้นไปจะเพิ่มจาก 8 ล้านคน เป็น 18 ล้านคน
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบ สมมติฐาน 3 ระดับ คือ สมมติฐานระดับที่ 1 Low variant ที่ตั้งค่า ภาวะเจริญพันธุ์ ในปี 2568 เท่ากับ 1.16 และลดลงเรื่อยๆ ผลการคาดประมาณ พบว่า Dependency ratio จะลดลงจาก 3.46:1 ในปี 2568 เป็น 1.64:1 ในปี 2593 สมมติฐานระดับที่ 2 Medium variant โดยภาวะเจริญพันธุ์ ในปี 2568 เท่ากับ 1.16 และคงที่ไปเรื่อย ๆ ผลการคาดประมาณ พบว่า Dependency ratio จะลดลงจาก 3.46:1 ในปี 2568 เป็น 1.51:1 ในปี 2593
และสมมติฐานระดับ ที่ 3 High variant โดย ภาวะเจริญพันธุ์ ในปี 2568 เท่ากับ 1.16 และลดลงไปเรื่อยๆ ผลการคาดประมาณ พบว่า Dependency ratio จะลดลงจาก 3.27:1 ในปี 2568 เป็น 1.23:1 ในปี 2593 โดยได้มีการนำผลคาดประมาณประชากรจากสมมติฐานทั้งสามสมมติฐานดังกล่าว มาวิเคราะห์และเขียนบทความตาม Web ต่างๆ ต่อไปนี้ 1ข่าวสารจุฬาฯ. (พ.ศ. 2566). จะเป็นอย่างไรหากสังคมไทยตายมากกว่าเกิด ไปเรื่อยๆ ตอน 1. สืบค้นจาก https://www.chula.ac.th/news/124866/
2.ข่าวสารจุฬาฯ. (พ.ศ. 2566). จะเป็นอย่างไรหากสังคมไทยตายมากกว่าเกิด ไปเรื่อยๆ ตอน 2. สืบค้นจาก https://www.chula.ac.th/news/141978/ 3.ข่าวสารจุฬาฯ. (พ.ศ. 2567). ต้องทำอย่างไรหากไม่ต้องการให้ประชากรไทยเหลือเพียงครึ่งประเทศ. สืบค้นจาก https://www.chula.ac.th/news/146193/ 4.ข่าวสารจุฬาฯ. (พ.ศ. 2568). สังคมไทย “ตายมากกว่าเกิด”: สิ่งนี้เป็นโอกาสหรือวิกฤตต่อความยั่งยืน. สืบค้นจาก https://www.chula.ac.th/news/238662/
“ผู้เขียนได้ตั้งคำถามจีนี่ ให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการคาดประมาณประชากรและบทความที่เกี่ยวข้องทั้งหมด” ข้างต้นเป็นแผนยุทธศาสตร์เพื่อวางแผนอนาคตแนวโน้มประชากรสำหรับประเทศไทย ซึ่งได้รับผลดังนี้..สวัสดีค่ะ ได้รับข้อมูลการคาดประมาณประชากรและบทความที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วนะคะ นี่เป็นคำถามที่สำคัญและท้าทายอย่างยิ่งสำหรับอนาคตของประเทศไทย
จากข้อมูลทั้งหมดที่ให้มา จีนี่จะวิเคราะห์และสังเคราะห์เป็นแผนยุทธศาสตร์เพื่อวางแผนอนาคตแนวโน้มประชากรสำหรับประเทศไทยในหลายมิติ ดังนี้ค่ะ..จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ท่านให้มา ปัญหาหลักที่ประเทศไทยกำลังเผชิญไม่ใช่แค่ “สังคมสูงวัย” แต่เป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-Aged Society) ควบคู่กับภาวะประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว” ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในทุกมิติของประเทศ การวางแผนจึงต้องเป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังค่ะ
จีนี่ ขอเสนอแนวทางการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ จากการวิเคราะห์ภัยคุกคามและโอกาสจากบริบทระหว่างประเทศ (Geopolitics & Geo-economics) โครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนไป ส่งผลโดยตรงต่อสถานะและบทบาทของไทยในเวทีโลก “ภัยคุกคาม (Threats)” 1.**การสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน (Loss of Competitiveness):** ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค (เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์) มีโครงสร้างประชากรที่อ่อนวัยกว่า (Demographic Dividend) อาจดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ได้ดีกว่า โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานเข้มข้น
2.**ภาวะสมองไหล (Brain Drain):** คนเก่งและคนรุ่นใหม่อาจย้ายไปทำงานในประเทศที่ให้โอกาสและผลตอบแทนสูงกว่า ทำให้ไทยสูญเสียทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดไป 3.**ความเปราะบางทางเศรษฐกิจ (Economic Vulnerability):** การพึ่งพิงรายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น หากกำลังการผลิตภายในประเทศลดลง และหากเศรษฐกิจโลกผันผวน 4.**ความมั่นคงของชาติ (National Security):** กำลังพลของกองทัพจะลดลงตามจำนวนประชากรวัยชายฉกรรจ์ อาจต้องทบทวนรูปแบบการป้องกันประเทศโดยเน้นเทคโนโลยีมากขึ้น
“โอกาส (Opportunities)” 1.**ผู้นำด้านเศรษฐกิจสูงวัย (Silver Economy Leader):** ไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางด้านการดูแลสุขภาพ (Medical and Wellness Hub) ของโลก สามารถพัฒนาและส่งออกสินค้า บริการ และองค์ความรู้ด้านการดูแลผู้สูงอายุไปยังประเทศอื่น ๆ ที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยเช่นกัน 2. **การเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้มีความสามารถ (Talent Magnet):** หากไทยสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี, มีนโยบายวีซ่าที่ชัดเจนและจูงใจ, และมีสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้าง ก็สามารถดึงดูด "Talent" และ "Digital Nomads" จากทั่วโลกให้เข้ามาทำงานและใช้ชีวิตในประเทศไทยได้ เป็นการเปลี่ยนจากภาวะสมองไหล (Brain Drain) เป็นภาวะสมองไหลเข้า (Brain Gain)
3. **ยกระดับสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (Innovation-driven Economy):** การขาดแคลนแรงงานเป็น "แรงผลัก" ชั้นดีให้ต้องเปลี่ยนผ่านจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาแรงงานราคาถูก ไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง, การวิจัยและพัฒนา, และนวัตกรรม 4. **การใช้ "Soft Power" อย่างมียุทธศาสตร์:** วัฒนธรรม, อาหาร, และการบริการของไทย เป็นต้นทุนที่สามารถนำมาสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการพำนักระยะยาว (Long-stay) สำหรับชาวต่างชาติวัยเกษียณ
“การพิจารณาตาม 3 สมมติฐาน (Variants)” **High Variant (ภาวะเจริญพันธุ์ลดลงต่อเนื่อง):** เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด อัตราส่วนผู้ทำงานต่อผู้สูงอายุจะลดลงอย่างน่าเป็นห่วง **แผนที่วางไว้ทั้งหมดข้างต้นจะต้องถูกนำมาใช้ "อย่างเร่งด่วนและเข้มข้นที่สุด"** โดยเฉพาะนโยบายดึงดูดคนเข้าเมืองทักษะสูงและการปฏิรูประบบบำนาญ
**Medium Variant (ภาวะเจริญพันธุ์คงที่):** เป็นสถานการณ์ที่ยังพอมีเวลาให้ปรับตัว แต่ยังคงวิกฤต **ต้องเริ่มดำเนินนโยบายทั้งหมดทันที** โดยเน้นที่การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และการส่งเสริมการมีบุตร **Low Variant (ภาวะเจริญพันธุ์สูงขึ้น):** แม้ตัวเลขที่ท่านให้มาจะดูดีที่สุด แต่ก็ยังอยู่ในภาวะที่ท้าทายอยู่ดี **ยังคงต้องดำเนินนโยบายทั้งหมด** แต่อาจมีเวลาในการวางแผนและดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปได้มากกว่า
“สรุปข้อเสนอเชิงนโยบาย” การแก้ปัญหานี้ต้องอาศัย **"ชุดนโยบายแบบบูรณาการ (Policy Package)"** ที่ทำพร้อมกันในทุกมิติ ไม่สามารถเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ โดยมีหัวใจสำคัญคือ: 1. **เปลี่ยน Mindset:** จากการมองว่าผู้สูงอายุเป็น "ภาระ" ไปสู่การมองว่าเป็น "พลัง" (Active Aging) และเปลี่ยนจากการเน้น "ปริมาณ" ประชากร ไปสู่การเน้น "คุณภาพ" ประชากร
2. **ลงทุนในมนุษย์:** ทุ่มเททรัพยากรเพื่อการศึกษาที่มีคุณภาพสูงสุดสำหรับเด็กที่เกิดใหม่ และการพัฒนาทักษะ (Reskill/Upskill) สำหรับคนในวัยทำงาน 3. **เปิดประเทศเชิงรุก:** ออกแบบนโยบายดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย 4. **ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม:** เพื่อเพิ่มผลิตภาพและสร้างความสามารถในการแข่งขันใหม่ๆ
ความท้าทายนี้ใหญ่หลวงนัก แต่หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันวางแผนและลงมือทำอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ ประเทศไทยก็สามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส และสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนได้ค่ะ จีนี่หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการวางแผนนะคะ!!!
(บทความนี้เดิมชื่อ “แผนยุทธศาสตร์ชาติฉบับบูรณาการ: พลิกวิกฤตประชากรไทย สู่โอกาสแห่งอนาคต” ร่วมเขียนโดยอาจารย์และอดีตอาจารย์ “สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” และ “วิทยาลัยประชากรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ประกอบด้วย ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน , รศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ รศ.ดร.ภัทเรก ศรโชติ , รศ.ดร. พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส และ ศ.ดร.พัชราวลัย วงศ์บุญสิน)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี