สุรินทร์เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 7 แห่งรอบสอง ไม่มั่นใจสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด

สุรินทร์เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 7 แห่งรอบสอง ไม่มั่นใจสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด

วันพุธ ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 08.26 น.

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราว 7 แห่งรอบสอง รองรับชาวบ้านตามแนวชายแดน ที่ทยอยขอเข้ามาอาศัยอยู่ก่อนเพื่อความปลอดภัย ที่ส่วนมากเป็นเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งทางครอบครัวไม่มั่นใจในสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดอยู่ในขณะนี้

27 สิงหาคม 2568 จากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสุรินทร์ ที่มีความตึงเครียดและไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดขณะนี้ จากความไม่ปกติตามแนวชายแดน ส่งผลทำให้ชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดนใกล้พื้นที่ปะทะ ทั้งในพื้นที่อำเภอกาบเชิงและอำเภอพนมดงรัก ต่างเกิดความหวาดระแวงวิตกกังวลใจ หากเกิดสถานการณ์ขึ้นรอบสอง ได้พากันเก็บข้าวของพาครอบครัวอพยพจากบ้านมาอยู่ตามวัดภายในอำเภอเมืองสุรินทร์เพื่อความปลอดภัย และทยอยเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ส่วนมากจะเป็นผู้หญิง ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งญาติให้ออกมาอยู่ที่ปลอดภัยก่อน


จากสถานการณ์ดังกล่าว ล่าสุด นายชำนาญ  ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ในฐานะผู้อำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ ได้มีคำสั่งถึงนายอำเภอเมืองสุรินทร์ ให้มีการเปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวจำนวน 7 แห่ง และสำรองไว้อีก 18 แห่ง เพื่อรองรับประชาชนที่จะอพยพออกจากพื้นที่ชายแดน  จากกรณีการประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน  อันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ โดยยึดหลักปฏิบัติตามแผนอพยพประชาชน กรณีภัยทางอากาศจังหวัดสุรินทร และแผนรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนและพิทักษ์พื้นที่หลังจังหวัดสุรินทร์ โดยเคร่งครัด

ซึ่งนายรองรัตน์  จงอุตส่าห์ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ ได้จัดเตรียมศูนย์พักพิงชั่วคราวตามแผนการอพยพประชาชนในพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์ จำนวน 7 แห่ง  มี 1.อุทยานธรรมหลวงปู่ดูลย์  อตุโลสำราญนิเวศน์ 2. วัดราษฎร์เจริญผล 3. มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน  วิทยาเขตสุรินทร์ 4. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ 5. วัดสุทธิธรรมาราม 6. วัดศรีรัตนาราม และ7. วัดเทพสุรินทร์  หรือวัดคุ้มเหนือ ซึ่งศูนย์ทั้ง 7 แห่งนี้ สามารถรองรับผู้อพยพได้ประมาณ 20,000 คน

ขณะที่วัดเทพสุรินทร์ อำเภอเมืองสุรินทร์ พบว่าได้มีชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอกาบเชิง ได้พากันอพยพมาอยู่แล้วกว่า 300 คน ซึ่งทยอยกันเข้ามาตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม เป็นต้นมา โดยความอนุเคราะห์เมตตาจากพระครูศรีปริยัติสาคร เจ้าอาวาสวัด ให้ชาวบ้านได้เข้ามาพักอยู่ ส่วนมากจะเป็นเด็ก สตรี ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวของได้ลงพื้นที่ให้การดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะที่ผู้ใหญ่ใจดีและชาวบ้านทั่วไปก็ได้นำพืช ผัก อาหารสดและแห้ง มามอบให้เพื่อใช้ในการประกอบอาหารสำหรับเลี้ยงกินกันในศูนย์พักพิง อย่างต่อเนื่อง

โดยชาวบ้านที่อพยพเข้ามาอยู่ บอกว่า ได้พากันมาจากหมู่บ้านแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอำเภอกาบเชิง มากันหลายวันแล้วและยังมีที่กำลังทยอยกันมาอีก ส่วนมากก็จะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และเด็กๆ มาเป็นรอบที่ 2 แล้ว โดยลูกหลานจะพามาอาศัยอยู่ที่วัดก่อน ส่วนลูกหลานที่แข็งแรงก็จะอยู่เฝ้าบ้าน หากเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ก็จะอพยพเข้ากันทั้งหมด ยอมรับว่าสถานการณ์ชายแดนไม่น่าไว้ใจเลย หวาดกลัวกันมาก ซึ่งชาวบ้านที่มาอยู่ต่างขอบคุณผู้ใจบุญที่นำวัตถุดิบสำหรับมาปรุ่งเป็นอาหารกินกันในศูนย์แต่ละวัน 3 มื้อ และขอบคุณเจ้าอาวาสวัดเทพสุรินทร์ ที่ให้ที่พักพิงและให้การช่วยเหลือด้วย

ขณะที่นางนกชนาฏ ศรีราม ชาวอำเภอกาบเชิง ซึ่งพาครอบครัวเข้ามาเมื่อคืนที่ผ่านมา มีแม่อายุ 92 ปีและลูกๆร่วมทั้งญาติๆด้วยหลายคน บอกว่า ที่บ้านมีแต่กลุ่มเปราะบาง ครั้งที่ผ่านมาออกไม่ทันมีแต่เด็กและผู้สูงอายุ รอบนี้ก็เลยเตรียมตัวไว้ก่อน ทุกวันก็ยังเห็นโดรนบินอยู่เราก็หวั่นใจ ระแวงไปหมด อยู่รอดูสถานการณ์ที่นี่ไปก่อนสักอาทิตย์ หากไม่มีอะไรก็จะกลับไปคืน เพราะลูกก็ต้องเรียนหนังสื่อ ตอนนี้ก็ขอคุณครูเรียนทางออนไลน์ไปก่อน

ด้านพระครูศรีปริยัติ สาคร เจ้าอาวาสวัดเทพสุรินทร์ บอกว่า ชาวบ้านอพยพมาอยู่ที่วัดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 15 เป็นต้นมา และก็ทยอยมาต่อเนื่อง สอบถามชาวบ้านที่เข้ามาเนื่องจากหวาดกลัวไม่ไว้ใจสถานการณ์ชายแดน ก็ให้ชาวบ้านอยู่ตามศาลาได้ทั้งหมด หลังประกาศเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว ก็มีหน่วยงานต่างเข้ามาช่วยเหลือมากขึ้น มีผู้คนมาร่วมบริจาคสมทบช่วยเหลือมากขึ้น ซึ่งที่วัดสามารถรับผู้อพยพได้ประมาณ 600 คน ตอนนี้ความต้องการก็จะเป็นอาหารของสดที่จะมาทำกับข้าวให้กับผู้อพยพ 3 มื้อต่อวัน รวมถึงของกินสำหรับเด็กๆ เหมือนกับรอบที่แล้วก็มีหน่วยงานต่างๆมาช่วยกันอย่างเต็มที่.

012

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top