จากกรณี มติ ครม. เห็นชอบโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังปี 2568 และโครงการสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีและส่งเสริมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ปีการผลิต 2568/69 โดยการใช้เงินทุนจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) หรือเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ต่อครัวเรือน หรือสูงสุด 10,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินทั้งสิ้น 45,204 ล้านบาท หาก ธกส.ได้รับรายชื่อเกษตรกร ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตรส่งมาให้แล้ว ทาง ธ.ก.ส.พร้อมโอนเงินให้เกษตรกรทันทีภายใน 3 วัน หรือตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 68 เป็นต้นไป

1 กันยายน 2568  ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขามหาสารคาม บรรยากาศช่วงเช้าวันนี้ที่หน้าธนาคาร มีเกษตรกรนำสมุดบัญชีมาปรับที่ตู้ปรับสมุดของธนาคาร เพื่อดูว่ามีเงินไร่ละ 1,000 เข้าบัญชีหรือไม่ ซึ่งหลายคนต้องผิดหวังเพราะเงินยังไม่ทันได้เข้าบัญชี อีกทั้งรอบนี้ มีกฎเกณฑ์ต่างๆเพิ่มมากขึ้น ที่เกษตรกรต้องลงทะเบียนผ่านแอพทางรัฐ เพื่อกดรับสิทธิยืนยันตัวตน และทางผู้ใหญ่บ้านก็ยังไม่ได้ประกาศว่าตำบลของตนเองเงินจะเข้าวันไหน แต่ที่นำสมุดมาปรับก็เผื่อไว้ว่าเงินจะเข้าบัญชี

นายทองสุก แฝงเมืองคุก เกษตรกรบ้านท่างาม หมู่ 3 ต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตนเองมีนาอยู่ประมาณ 30 ไร่ เงินไร่ละ 1,000 ยังไม่เข้า ได้ยินว่าจะเข้าเดือนนี้ วันนี้เลยลองนำสมุดมาปรับดู ที่จริงอยากได้มากกว่านี้ แต่เค้าให้เท่าไหร่ก็ได้ ก็ยังพอช่วยแก้ปัญหาเฉพาะได้ แต่ใจจริงอยากให้ราคาข้าวขึ้นมากกว่า ตอนนี้ราคาข้าวถือว่าตกต่ำมาก ข้าวนาปรัง ราคาขายตอนนี้โลละ 4.8 – 5 บาท ซึ่งถือว่าน้อยมาก ไม่คุ้ม ชาวนาขาดทุน เพราะต้นทุนการผลิตอยู่ที่ไร่ละ 5,000 บาทแล้ว คาดว่าจะขาดทุนเกือบหนึ่งแสนบาท 

ตนเองทำนาปีละ 2 ครั้ง รอบก่อนขายได้ โลละ 6 บาท ก็ยังพอได้ แต่ถ้าขายรอบนี้คงได้ไม่เกิน 5 บาท ยังไงก็ขาดทุน หากเป็นข้าวนาปี ต้องได้ราคาข้าวโลละ 15 บาทขึ้นไป ชาวนาถึงจะอยู่ได้ ซึ่งที่นาของตนเป็นที่ลุ่มต่ำ มีน้ำท่วมเกือบทุกปี ต้องทำนาก่อนเพื่อนถึงจะได้ผลผลิต เพราะหากที่นาถูกน้ำท่วมก็ขาดทุนไปอีก อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้ราคาข้าวดีขึ้นจะได้ลืมตาอ้าปากได้.

012