แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ศรีสะเกษ บรรยายพิเศษปลุกพลังรักชาติ – ประชาชนต้อนรับอบอุ่น ตอบคำถามสะกิดใจ "ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา" อย่างตรงไปตรงมา
8 กันยายน 2568 ณ หอประชุมโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 2 ได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชน พร้อมร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “พลังแห่งความสามัคคี : ความรักชาติที่รวมใจคนไทยเป็นหนึ่ง”
โดยมีประชาชนทุกเพศทุกวัย รวมถึงนักเรียนจากหลายโรงเรียนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก บรรยากาศการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่นและชื่นมื่น ประชาชนจำนวนมากมารอต้อนรับแม่ทัพตั้งแต่ช่วงเช้า ตลอดระยะทางกว่า 300 เมตรจากจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ถึงหอประชุม เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงปรบมือของชาวบ้านที่ถือธงชาติ นำดอกไม้ พร้อมผูกผ้าขาวม้าแสดงความเคารพและชื่นชมแม่ทัพที่ได้ลงมาพบปะใกล้ชิดกับชาวบ้านในพื้นที่
ภายในงาน มีนายประวิช รัตวาล นายอำเภอกันทรลักษ์ กล่าวต้อนรับในนามของประชาชน และนางวิไลลักษณ์ ศรีทากุล ผู้อำนวยการโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ กล่าวรายงานการจัดกิจกรรม โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น ครู นักเรียน และภาคประชาชนร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษอย่างพร้อมเพรียง
พลโท บุญสิน ได้บรรยายในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับพลังของความรักชาติและความสามัคคี พร้อมเน้นย้ำถึงบทบาทของเยาวชนในการร่วมพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างสร้างสรรค์ โดยกล่าวในช่วงหนึ่งอย่างเป็นกันเองว่า
“หลังเกษียณแล้ว อย่าลืมแม่ทัพนะ หนาวนี้จะพาไปวิ่งมาราธอน ดูธงชาติที่สวยที่สุดบนภูมะเขือ ใครจะไป ยกมือ!”
บรรยากาศในห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม สะท้อนถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้นำทหารกับประชาชนได้อย่างชัดเจน ในช่วงท้ายของการบรรยาย แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เปิดโอกาสให้นักเรียนและเยาวชนซักถาม ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก
โดยมีคำถามจากตัวแทนนักเรียน อาทิ
ในฐานะที่เป็นนักเรียน เราช่วยประเทศชาติได้อย่างไรบ้าง
มีแนวทางอย่างไรในการสร้างกำลังใจให้กับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณชายแดน
หน้าที่หลักของแม่ทัพภาคที่ 2 คืออะไร
แต่คำถามที่เรียกได้ว่า “เป็นคำถามสะกิดใจ” และทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบลงทันที คือคำถามที่ว่า
แม่ทัพมีแนวทางอย่างไรในการลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา?
ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ตอบอย่างตรงไปตรงมา ชัดเจน และจริงใจว่า แนวทางแก้ปัญหาชายแดนนั้น รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศต้องคุยกันแล้วรู้เรื่อง โดยเฉพาะผู้นำของเขมรจะต้องคุยแล้วจริงใจ คุยแล้วยืนยันในคำที่พูด จริงใจที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ที่มีใหม่มานี้จะต้องคุยให้เข้าใจ สำหรับประเทศไทย เราคุยได้ทั้ง 2 แบบ คุยแบบเข้าใจหรือไม่เข้าใจก็ได้ แต่เราพร้อมที่จะคุยแบบเข้าใจ แต่หากพูดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง 100 ปีก็แก้ปัญหาไม่ได้ มันก็จะเป็นแบบนี้ตลอด
วิธีแก้ปัญหาคือ ผู้นำหมายเลข 1 ของทั้ง 2 ประเทศต้องคุยกันให้เข้าใจ ฮุนเซ็นต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีของเราให้เข้าใจตรงกัน จึงจะเกิดความสงบสุขตามแนวชายแดน
คำตอบดังกล่าวได้รับเสียงปรบมือจากนักเรียนและผู้ร่วมงานทั้งหอประชุม ไม่เพียงเพราะความกล้าพูดความจริงของแม่ทัพ แต่ยังแสดงถึงจุดยืนและแนวทางในการนำพาความมั่นคงกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดน กิจกรรมครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีให้เยาวชนได้เรียนรู้จากผู้นำทหารระดับสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่แสดงถึง “พลังรักชาติ” และ “ความสามัคคี” ที่สามารถรวมใจคนไทยเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างแท้จริง.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี