ยายวัย 62 ยกมือไหว้น้ำตาไหลดีใจหลังทราบข่าว "ทหารไทยยึดปราสาทตาควาย" คืนมาได้ ขณะที่ผู้อพยพในศูนย์ เผย "กินอิ่ม นอนหลับ"

วันที่ 16 ธ.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจศูนย์อพยพแห่งหนึ่งที่ทางจังหวัดศรีสะเกษ ได้ตั้งไว้รองรับผู้อพยพจากภัยการสู้รบด้านชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่าที่ศูนย์แห่งนี้มีผู้อพยพมาจากอำเภอกันทรลักษ์ อำเภอขุนหาญ และอำเภอภูสิงห์กว่า 2 พันคน แต่พื้นที่ก็ยังสามารถรองรับได้อีก ซึ่งภายในศูนย์อพยพแห่งนี้จะมีเจ้าหน้าที่ค่อยดูและผู้อพยพอย่างใกล้ชิด ทั้งค่อยดูแลเรื่องสุขภาพ ทำอาหารให้ผู้อพยพได้กินอิ่ม ไม่ขาดแคลน

ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปคุยกับนางพูน ภูมิชื่นชม อายุ 62 ปี ตำบลโนนสูง อำเภอขุนหาญ ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า บ้านตนอยู่ติดกับชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายบอกชาวบ้านให้เตรียมอพยพ พอวันที่ 8 ตนได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังมาก ผู้ใหญ่ประกาศให้อพยพใครไม่มีรถให้มาขึ้นรถที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ตนอพยพออกมาตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคมมาพักอยู่ตรงจุดนี้ ที่นอนเพียงพอต่อผู้อพยพแต่ยังขาดผ้าห่มและมุ้งอยู่ ที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการมีเจ้าหน้าที่เอามาแจกหลายรอบแล้ว แต่เนื่องจากที่นี้มีผู้อพยพเข้ามาเยอะและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผ้าห่มและมุ้งไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้อพยพ เจ้าหน้าที่จึงให้ลงทะเบียนไว้รอรับของในภายหลัง 

สวนอาหารที่เจ้าหน้าที่จัดให้มีเพียงพอใครกินไม่อิ่มก็ให้ไปรับเพิ่มได้เรื่อยๆ ตามเวลา 3 มื้อที่เจ้าหน้าที่ส่วนราชการได้จัดเตรียมไว้ให้ ตอนนี้ตนคิดถึงบ้านอยากให้สงครามจบเร็วๆ และอยากให้สงครามจบที่รุ่นของตนไม่อยากให้สงครามไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานไม่อยากให้ลูกหลานต้องมาอพยพหนีภัยสงครามเหมือนตน 

"เมื่อวานหลังจากที่ทราบข่าวว่าทหารไทยยึดคืนปราสาทตาควายได้รู้สึกดีใจที่ทหารไทยเรายึดคืนแผ่นดินของเราคืนมาได้ ยายขอเป็นกำลังใจให้ทหารไทยเอาชนะและพ้นจากภัยอันตรายไม่อยากให้มีการสูญเสียชีวิตอีกต่อไป อยากให้สงครามจบเร็วๆ และอยากอยู่แบบสงบสุขเหมือนเดิมไม่อยากอพยพอีกแล้ว" นางพูน กล่าว

ขณะที่คุณยาย กร สีสัน อาย 75 ปี เล่าว่า ตนเป็นคนชาวอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตนอพยพมาตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม มาอยู่ที่นี่สบายดีมีอาหารให้กินอิ่มจะขาดแคลนแต่ผ้าห่มกับมุ้งที่ยังไม่เพียงพอกับผู้อพยพ ช่วงนี้อากาศก็หนาวด้วย ตอนที่ตนอพยพมา มีมาแค่เสื้อผ้ากับสาดปูนอนผ้าห่มสิ่งของอื่นๆก็ไม่เอาติดตัวมาด้วยเพราะรีบ