ลุยสแกนหาวัตถุโบราณ ใต้ซากพระธาตุโนนตาล พบพระพุทธรูปปางเปิดโลก 2 องค์ กรมศิลปากรเร่งเคลียร์พื้นที่
13 ตุลาคม 2568 คืบหน้าเกี่ยวกับพระธาตุโนนตาล อายุ 123 ปี ตั้งอยู่ภายในวัดพระธาตุหมู่ 9 ต.โนนตาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นพระธาตุโบราณคู่บ้านคู่เมือง โดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน อยู่ในความดูแลของสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ได้พังทลายลงมาทั้งองค์ เมื่อเวลา 09.41 น. วันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา สร้างความเศร้าโศกเสียใจแก่พุทธศาสนิกชน โดยเฉพาะชาวบ้าน ต.โนนตาล และละแวกใกล้เคียง ที่มีความเคารพศรัทธาต่อองค์พระธาตุโนนตาลเป็นอย่างมาก
โดยนายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชแทนแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอท่าอุเทน ได้กั้นพื้นที่รอบองค์พระธาตุให้เป็นเขตหวงห้าม เนื่องจากภายใต้ซากปรักหักพัง มีพระพุทธรูปโบราณ และสิ่งของมีค่าที่ผู้เลื่อมใสศรัทธานำมาถวายเป็นพุทธบูชา พร้อมประสานสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลฯ ลงตรวจสอบหาสาเหตุการหักโค่นครั้งนี้
ล่าสุด นายธนภัทร จิตสุทธิผล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี พร้อมผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโบราณจากพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ จ.ร้อยเอ็ด ได้เชิญผู้นำชุมชนพร้อมทั้งนายสันติชัย ศิริญาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ต.โนนตาล และกรรมการวัดพระธาตุ หารือในการปูพรมค้นหาของมีค่า ที่อยู่ในเศษซากอิฐพระธาตุ โดยผู้ใดพบอย่าแตะต้อง แต่ให้ยกมือเป็นสัญญาณ เจ้าหน้าที่จะสวมถุงมือเข้าไปนำออกมาเอง
ก่อนหน้านี้ตอนเย็นของวันที่ 12 ตุลาคม ได้พบพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อสำริด สูง 22.5 เซนติเมตร หน้าตักกว้า 11 เซนติเมตร สมัยรัตนโกสินทร์พุทธศตวรรษที่ 25 ฝีมือช่างท้องถิ่นภาคอีสาน จมอยู่ในกองเศษซากอิฐ และสร้อยคอทองคำ 1 เส้น พร้อมเหรียญเงินโบราณจำนวนหนึ่ง โดยพบอยู่บนยอดฉัตร 5 ชั้น ขนาดความสูง 162 เซนติเมตร เนื้อโลหะผสม ปิดทองฉลุลาย โดยนำโบราณวัตถุที่พบในองค์พระธาตุไปเก็บรักษาไว้ที่ สภ.ท่าอุเทน
ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 10.00 น. ก็ปูพรมค้นหาอีกครั้ง ก็พบพระพุทธรูปโบราณปางเปิดโลก จำนวน 2 องค์ แบบพิมพ์พระปางสมาธิ 1 องค์ และพระแกะสลักในเนื้อหินใสคล้ายหินโป่งข่าม 1 องค์ จึงตรวจสอบความเก่าแก่ก่อนจะนำไปเก็บที่เดียวกันที่โรงพัก
โดยนายธนภัทร จิตสุทธิผล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี เปิดเผยว่างบประมาณเกือบ 3 ล้านบาทที่กระทรวงวัฒนธรรมจัดสรรให้นั้น เป็นการนำมาบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์ แต่เมื่อพระธาตุพังทลายลงมาก็ได้รายงานอธิบดีกรมศิลปากรทราบแล้ว ส่วนงบที่จะนำมาก่อสร้างใหม่ คงต้องรอปีงบประมาณ 2570 เพราะงบปี 2569 ได้ผ่านมติ ครม.ไปแล้ว
การปูพรมสแกนจะใช้คนเดินบนซากปรักหักพัง ถ้าพบเห็นวัตถุโบราณให้ส่งสัญญาณมือ จากนั้นก็ต้องมาประชุมร่วมกับคณะกรรมการหมู่บ้าน ในการเคลื่อนย้ายเศษอิฐองค์พระธาตุไปไว้ในที่ที่เหมาะสม ส่วนสาเหตุหลักในการโค่นล้ม ก็เหมือนกับพระธาตุองค์อื่นๆ คือการสร้างในแต่ละที่ส่วนใหญ่จะก่อเป็นเปลือกรอบ ตรงกลางจะเป็นโพรงดิน ตราบใดที่น้ำเข้าได้ทำให้น้ำหนักเยอะ ก็จะไปอิ่มตัวอยู่ในผนังแล้ว มันก็จะบวมและออกข้าง ลักษณะนี้อาจเกิดการระเบิดจากภายในได้
อีกปัจจัยหนึ่งคือที่ตั้งขององค์พระธาตุ ตั้งอยู่ติดถนนแม้จะเป็นรถเล็กรถใหญ่ มันมีแรงสั่นสะเทือน เหมือนการตอกเสาเข็ม รอยร้าวก็จะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ได้สังเกต โดยนายสันติชัย ศิริญาติ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ต.โนนตาล เล่าว่าได้เกิดรอยร้าวขนาดเล็ก เผลอมาถึงปี 67-68 มันขยายใหญ่เท่าฝ่ามือ พอเกิดรอยร้าวแผลกว้างฝนตกทำให้มีน้ำซึมลงภายในองค์พระธาตุ
ด้าน นายมานิตย์ ภะวะ อายุ 58 ปี ชาวบ้านหมู่ 9 ต.โนนตาล ได้กล่าวถึงการหักโค่นขององค์พระธาตุ ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายมีส่วนก่อสร้างด้วย พอรู้ข่าวก็เสียใจเป็นอย่างมาก ต้องการให้กรมศิลปากรเร่งก่อสร้างองค์ใหม่ขึ้นมาเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดี.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี