วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568
28 ตุลาคม 2568 อดีตประธานสมาชิกโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ เผยความในใจ ครั้งได้เข้าเฝ้ารับพระราชทานใบประกาศเกียรติคุณจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งพระองค์ยังได้ทรงพระราชทาน สวมสร้อยคอทองคำ หนัก 2 บาท พร้อมเหรียญพระราชทาน ภปร. สก. เนื้อทองคำ ปี 2535 หนัก 1 บาท ให้ด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง ยังจำภาพบรรยากาศ และพระราชดำรัสตรัสถาม ได้มิรู้ลืมจนถึงวันนี้ ถึงแม้จะผ่านมากว่า 20 ปีแล้วก็ตาม

นางสุกี สายบุตร อายุ 61 ปี อดีตประธานสมาชิกโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง บ้านบุ หมู่ที่ 11 ตำบลลำดวน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเคยได้เข้าเฝ้า และเคยได้รับพระกรุณา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานใบประกาศเกียรติคุณ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ประเภทผ้าไหมมัดหมี่ สมาชิกเก่า จากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งทรงดำรงพระยศ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ องค์ประธานมูลนิส่งเสริมศิลปาชีพ ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2542

อดีตประธานสมาชิกโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ ได้ถือโอกาสเผยถึงความประทับใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนภาคภูมิใจ และยังจำภาพบรรยากาศในวันนั้นที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชทานใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมกับเงินขวัญถุง จำนวน 55,000 บาท และพระองค์ยังทรงสวมสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท กับเหรียญพระราชทาน ภปร. สก. เนื้อทองคำ ปี 2535 หนัก 1 บาท ให้ตนด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง และยังทรงมีพระราชดำรัสตรัสถาม กับตนเองได้อย่างแม่นยำ ถึงแม้กาลเวลาจะล่วงเลยมากว่า 20 ปีแล้วก็ตาม
อดีตประธานสมาชิกโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า สร้อยคอทองคำกับเหรียญพระราชทาน ตนยังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ถึงแม้ทองคำในตอนนี้จะมีราคาสูงก็ตาม และเคยได้มีคนมาขอซื้อให้ราคาเป็นล้านตนก็ไม่ยอมขาย โดยสร้อยคอทองคำตนได้เก็บไว้ ส่วนเหรียญพระราชทานได้มอบให้บุตรชายคนโต ส่วนเงินขวัญถุงพระราชทานได้นำใช้จ่ายเป็นทุนการศึกษาให้บุตรทั้ง 3 คน และลงทุนทำธุรกิจในครอบครัว

โดยพระราชดำรัสตรัสถามของพระองค์ในวันนั้น ที่ตนจำได้แม่นว่า ‘ลูกถ้าได้เงินจากแม่ไปลูกจะทำอย่างไร’ ซึ่งตนก็ตอบไปว่า หนูจะแบ่งเป็น 5 ส่วน คือ แบ่งให้พ่อแม่ และจะส่งลูกเรียนหนังสือ ทำบุญและไว้ลงทุน’ ซึ่งภาพในวันนั้นตนปลื้มปิติเป็นอย่างมาก พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไร และขับรถผ่านสถานที่โครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง น้ำตาก็จะไหลทุกที ยิ่งตนเองได้รับรางวัลจากพระหัตถ์พระองค์ท่านแล้วด้วย
พระสุรเสียงของพระองค์ ยังกึกก้องอยู่ในสมองจนถึงทุกวันนี้ และพระองค์ยังตรัสด้วยว่า ดีแล้วลูก ถ้าลูกทำได้ แม่จะปลื้มมาก จากนั้นพระองค์ได้ยื่นพระหัตถ์มาลูบหัวตนทำให้ขนลุกจนบอกไม่ถูก เมื่อเข้าเฝ้าเสร็จแล้วขณะที่ตนเดินออกมาก็มีบรรดานายทหารต่างๆ ได้พูดกับตนเองว่า สร้อยคอทองคำกับเหรียญพระราชทาน ที่พระองค์พระราชทานให้แลกกับรถเก๋งเอาไหม ตนก็ตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าไม่ ทำให้นายทหารคณะนั้นหัวเราะพร้อมกับพูดว่า โหวพี่นี่รักพระราชินีจริงๆ ซึ่งตนก็ตอบว่ารักตนรักมาก

อดีตประธานสมาชิกโครงการส่งเสริมศิลปาชีพอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ กล่าวด้วยว่า และทันทีที่ทราบข่าวการเสด็จสวรรคต ตนถึงกับทำอะไรบอกอะไรไม่ถูก มันจุกแน่นในอกไปหมดเลย และจะขอตั้งใจทำความดีถวายพระองค์ท่านตลอดไป มันเหมือนชีวิตไม่มีอะไร มันปลิวไปหมดเลย เหมือนเราสิ้นไม่มีอะไรติดตัวเลยจะเป็นลม จากนั้นเปิดโทรศัพท์ดูภาพครั้งที่ตนได้เข้าเฝ้า ก็น้ำตาร่วงตลอด มันพูดไม่ออก มันจุกในอก
.jpg)
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่เป็นสมาชิกในโครงการศิลปาชีพ เนื่องด้วยครอบครัวตนได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และได้ทำสมความตั้งใจไว้คือส่งลูกๆทั้ง 3 คน ได้เรียนสูงๆ จบปริญญาโท แล้ว 2 คน รวมถึงจะเรียนต่อปริญญาเอก และก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคงกันทั้ง 3 คน ขอให้ลูกตั้งใจแม่คนนี้ก็จะสู้ ถึงแม้ครอบครัวจะยากจน และตัวแม่เองเรียนจบแค่ ป.4 ก็ปลื้มมาก
‘ที่จับกี่ทอผ้าก็นึกถึงคำสอนของพระองค์มาตลอดคะ ถึงท่านจะเสด็จสวรรคตไปแล้ว แต่ลูกคนนี้ก็ยังจำคำพูดที่แม่สอนไว้ที่พระตำหนักภูพาน ว่าให้ลูกทำความดีตลอดไป ลูกก็ตั้งใจทำมาโดยตลอด และขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้’.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี