สาววัย 18 ปีงงหนักหลังนำสิทธิ์โครงการคนละครึ่งไปใช้ซื้อเครื่องสำอางที่ร้านในตัวเมืองบุรีรัมย์ แต่บิลพุ่ง ถูกคิดเงินเพิ่ม 7% อ้างเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จากราคาสินค้า แม่ผู้ร้องเผยตนเองเป็นร้านค้าคนละครึ่งเช่นกัน แต่ไม่เคยคิด VAT เพิ่ม เชื่อรัฐบาลไม่กำหนดให้เก็บ จึงวอนสื่อเป็นตัวกลางเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการเอาเปรียบลูกค้าที่ใช้สิทธิ์โครงการรัฐ

วันที่ 3 พ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ให้ช่วยตรวจสอบการดำเนินการของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ว่าถูกต้องตามเงื่อนไขของรัฐบาลหรือไม่ หลังมีผู้ใช้สิทธิ์ถูกเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพิ่มเติมจากราคาสินค้าหน้าป้ายอีก 7 เปอร์เซ็นต์

น.ส.ส้ม (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ผู้ร้องเรียน เล่าว่า นี่เป็นการใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่งเป็นครั้งแรก โดยตนนำไปซื้อเครื่องสำอางที่ร้านค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ในตอนแรกเธอทดลองใช้เงินสดซื้อสินค้า 100 บาท ยอดบิลก็เป็น 100 บาทตามปกติ

แต่เมื่อเธอตัดสินใจใช้สิทธิ์คนละครึ่งในวงเงินที่เหลืออยู่ 400 บาท และเลือกซื้อสินค้ารวม 3 รายการ มีราคา 149 บาท, 179 บาท และ 38 บาท ซึ่งรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 366 บาท แต่ปรากฏว่า ยอดบิลที่ออกมากลับเป็น 391.62 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วคือการ คิดราคาสินค้าเพิ่มไปอีก 7%

น.ส.ส้ม จึงนำบิลดังกล่าวมาให้ นางบี (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี ผู้เป็นแม่ ซึ่งเปิดร้านค้าและรับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งอยู่เช่นกันดู

นางบี เปิดเผยว่า ที่ร้านค้าของตนก็รับคนละครึ่ง แต่ไม่เคยคิดเงินลูกค้าเพิ่มอีก 7% ส่วนตัวมองว่าพฤติกรรมของร้านค้าที่เรียกเก็บ VAT เพิ่มเติมนั้นเป็นการ เอาเปรียบลูกค้า และเชื่อว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายให้คิดค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มอย่างแน่นอน

“รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบมาก จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมของร้านค้านี้โดยด่วน เพราะเชื่อว่าน่าจะมีประชาชนที่ใช้สิทธิ์คนละครึ่งและถูกเอาเปรียบในลักษณะเดียวกันอีกเป็นจำนวนมาก” นางบีกล่าว