จากกรณีสาวบุรีรัมย์ร้องสื่อ ถูกร้านเครื่องสำอางคิด VAT เพิ่ม 7% เมื่อใช้สิทธิ์ 'คนละครึ่ง' ล่าสุดเจ้าของร้านออกมาชี้แจงยอมรับว่าคิดเพิ่มจริง โดยระบุเหตุผลว่า ร้านของตนเป็นผู้ประกอบการที่ยื่นเสียภาษีแบบ VAT ต้องคืน 7% ให้สรรพากรทุกเดือน ต่างจากร้านส่วนใหญ่ พร้อมอ้างยอดขายจากโครงการรัฐสูง หากไม่คิด VAT เพิ่มก็จะอยู่ยาก ยืนยันเขียนป้ายแจ้งชัดเจน และท้าให้กรมสรรพากรเข้าตรวจสอบ

ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.ส้ม อายุ 18 ปี และนางบี อายุ 49 ปีผู้เป็นแม่ ร้องเรียนผ่านสื่อให้ตรวจสอบร้านขายเครื่องสำอางแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ ที่มีการคิดราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 7% จากราคาป้าย เมื่อลูกค้าใช้สิทธิ์โครงการ "คนละครึ่งพลัส" โดยพบว่าสินค้าราคารวม 366 บาท ถูกคิดบิลออกมาเป็น 391.62 บาท ซึ่งมีส่วนต่างเพิ่ม 7%

ล่าสุดวันนี้ (3 พ.ย.68) น.ส.กัญญ์วรัชญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี เจ้าของร้านเครื่องสำอางดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ยอมรับว่ามีการปรับราคาสินค้าขึ้น 7 เปอร์เซ็นต์จริง

น.ส.กัญญ์วรัชญ์ ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ต้องคิดเพิ่ม เนื่องจากร้านของตนได้ยื่นเสียภาษีแบบ VAT กับกรมสรรพากร ซึ่งหมายถึงจะต้องนำส่งภาษี 7% ให้กับสรรพากรทุกเดือน แตกต่างจากร้านค้าอื่น ๆ ส่วนใหญ่ที่อาจจะเสียภาษีแบบเหมาจ่าย

นอกจากนี้ เจ้าของร้านยังระบุว่าการเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งทำให้ร้านมียอดขายเพิ่มขึ้นสูงมากและสินค้าที่ซื้อมาก็ต้องลดราคาเพื่อแข่งขันกับร้านอื่น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องปรับ VAT เข้าไปในระบบเก็บเงิน ทำให้บิลที่ออกมามีราคารวมเพิ่มอีก 7 เปอร์เซ็นต์

"ดิฉันได้เขียนป้ายระบุข้อความชัดเจนว่าจะต้องมีการจ่ายภาษีให้กับรัฐ ลูกค้าที่เข้าใจก็ไม่ว่าอะไร ส่วนที่ไม่เข้าใจไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เพราะกฎหมายภาษีมันละเอียดอ่อน" น.ส.กัญญ์วรัชญ์ กล่าว

พร้อมทิ้งท้ายว่า ตนพร้อมให้กรมสรรพากรเข้าตรวจสอบการดำเนินการทั้งหมด พร้อมฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยประชาสัมพันธ์ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภาษีให้ประชาชนและผู้ประกอบการเข้าใจมากขึ้นด้วย