วันศุกร์ ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ออกกฎเหล็กห้ามรถยนต์สินค้าผ่านแดนจากญี่ปุ่นผ่านไปเมียนมา ห้ามวิ่งบนท้องถนนเด็ดขาด หลังราษฎรในพื้นที่ยื่นร้องเรียนขอให้มีรายได้จากการขับรถสินค้าวิ่งไปบนท้องถนนไปสู่ชายแดน ขณะที่ราษฎรในพื้นที่โวย ทำไมก่อนหน้านั้นทางจังหวัด กลับปล่อยให้มีการนำรถสินค้าผ่านาแดนวิ่งบนท้องถนนไปพม่า จนทำให้ชาวบ้านเข้าใจผิดมานาน และนอกจากรถสินค้าผ่านแดนยังมีรถในไทยเส้นใหญ่วิ่งผ่านไปขายให้เมียนมา โดยไม่ถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 แหล่งข่าวราษฎรบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงผลการประชุมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน กรณีราษฎรในพื้นที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา โดยระบุว่า การใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่ขนส่งรถยนต์ ส่งออกชายแดนร้องแห้ง ทำให้ส่งผลกระทบต่อราษฎรและก่อความเสียหายต่อผิวถนนและรวมไปถึงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
.jpg)
ตามที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการค้าชายแดนช่องทางห้วยผึ้ง นำรถยนต์ เก่าส่งออกไปยังประเทศเมียนมาร์ ผ่านช่องทางห้วยผึ้ง ตำบลห้วยผา อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยการบรรทุกบนรถสไลด์ รถบรรทุกขนาดใหญ่ วิ่งผ่านหมู่บ้านชุมชนไปยังจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนร้องแห้งนั้น ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการขนส่งรถดังกล่าว
_0.jpg)
ต่อมาทางจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้แจ้งว่า ทางจังหวัดได้มีมาตรการ ห้ามรถสไลด์ วิ่งก่อน 08.00 น.และตอนโรงเรียนเลิกเรียน โดยรถสไลด์ จะต้องเป็นรถที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ของกรมการขนส่งทางบก หากเป็นรถสไลด์ ที่มีป้ายทะเบียน สีเหลือง และสีขาว ถือว่าผิดกฎหมาย และห้ามบรรทุกโดยเด็ดขาด และในเขตชุมชนผู้ขับขี่ต้องขับช้าๆ โดยระบุว่ารถจากประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้เป็นสินค้าส่งออกจากไทย แต่เป็นรถยนต์มือสอง ที่ถูกผู้ประกอบการจากประเทศญี่ปุ่น ส่งผ่านไทย ไปขายให้ชาวเมียนมา ซึ่งมีการซื้อขายระหว่างประเทศของทั้งสองประเทศ โดยอาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่าน
.jpg)
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า ทำไมก่อนหน้านั้น ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า (ชิปปิ้ง) สามารถนำสินค้าผ่านแดน วิ่งไปบนท้องถนน โดยมีการว่าจ้างชาวไทยและชาวเมียนมาที่บ้านหัวเมือง รายละ 500 บาทต่อเที่ยว เพื่อขับขี่รถยนต์สินค้าผ่านแดน วิ่งไปบนถนนหลวงเพื่อไปส่งให้กับลูกค้าชาวเมียนมาที่บ้านหัวเมือง ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ตรงข้ามช่องทางบ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน โดยครั้งแรกได้มีการรถยนต์สินค้าผ่านแดนไปจอดไว้ในที่ตั้งคลังสินค้าของศุลกากรจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่ตั้งอยู่ติดกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดแม่ฮ่องสอน (กกต.) ต่อมาได้มีการร้องเรียนจากกำนันตำบลห้วยผา อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ว่าการปล่อยให้มีการขับขี่รถยนต์จากต่างประเทศและไม่มีป้ายทะเบียน บนท้องถนนหลวงและถนนสายรองในหมู่บ้านไปยังจุดผ่อนปรนเพื่อการค้าช่องทางบ้านห้วยผึ้ง ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากมีการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนใครจะรับผิดชอบ รวมไปถึงการขับรถสินค้าผ่านแดนบนถนนเร็วมากเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุต่อประชาชนคนไทย แต่ไม่มีหน่วยงานไหนสามารถให้คำตอบได้
.jpg)
และต่อมา ได้มีการย้ายไปตั้งในคลังสินค้าของเอกชน ที่บริเวณหัวสะพานข้ามแม่น้ำปายที่บ้านปางหมู ทำไมผู้ประกอบการไม่มีการยื่นเรื่องขอจัดตั้งคลังสินค้าเป็นของตนเอง นอกจากนั้น ก่อนหน้าที่จะมีการยื่นหนังสือร้องเรียน ได้มีการนำเสนอเรื่องการส่งออกรถยนต์ซึ่งเป็นรถของประเทศไทย ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้พบว่า ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการชาวไทยร่วมมือกับผู้นำทหารไทใหญ่ที่ฐานดอยต๊อกมอก ตรงข้ามบ้านรักไทย มีพฤติกรรรม นำรถยนต์ในไทยไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน สวมรอยลำเลียงรถยนต์ดังกล่าว ส่งผ่านช่องทางบ้านห้วยผึ้งไปขายให้แก่ลูกค้าในเมียนมา ทั้งๆที่ไม่ใช่รถยนต์ใช้แล้ว หรือรถยนต์สินค้าผ่านแดนแต่อย่างใด ถ้าหากเป็นกลุ่มขบวนการค้าของเถื่อนหรือนำรถโจรกรรมในไทยไปขายให้ชาวเมียนมา ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้กลุ่มขบวนการดังกล่าวมีที่ตั้งคลังสินค้า บริเวณตรงข้ามทางแยกเข้าบ้านสบป่อง ต.ปางหมู อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จ.แม่ฮ่องสอน ห่างจากที่ตั้งสำนักงานขนส่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 300 เมตรเท่านั้นแต่ไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบแต่อย่างใด.
012
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี