วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ ทนายบอน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า [มหาอุทกภัย หาดใหญ่ 2568] มุมมองส่วนตัวจากคนเกือบประสบภัย
1. ผมไปสงขลาตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ฝนตกตลอดเวลา โดยไม่มีแดดเลยจนวันที่ 27 พ.ย. จึงมีแดดครั้งแรก
ฝนตกหนัก หนักมาก สลับเบา วนอยู่ไม่หยุด ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนในชีวิต
ผมบอกกับภรรยาและแม่หลายครั้งว่า “ฝนไม่หยุดแม้แต่วินาทีเดียว” และ “พระอาทิตย์น่าจะลาออกไปแล้ว”
2. ตลอดระยะเวลาที่อยู่จำไม่แม่นว่าวันที่ 20 หรือ 21 พ.ย. ที่เริ่มมี SMS เตือนภัยพิบัติ ดังวันละหลายครั้ง ย้ำว่าวันละหลายครั้ง พ่วงด้วยข้อความว่าควรอพยพ
นั่งในร้านกาแฟ ก็จะดังพร้อมกันสะเทือนลั่นร้าน ทุกคนหยิบมือถือมาดู แล้วก็กินกาแฟต่อ ... รวมถึงผมด้วย ก้มหน้ากินกาแฟ ทำงานต่อ
3. น่าจะวันที่ 21 พ.ย. มีข่าวน้ำท่วมหาดใหญ่หลายพื้นที่ บางพื้นที่ย้ายออกไม่ทันแล้ว ... อ่วมมากน่าสงสาร
แต่บางพื้นที่ยังไม่ท่วม พออยู่ในวิสัยย้ายออกได้
รวบรวมเรื่องราวย้อนหลังกลับไป ทำให้ทราบว่าหลายคน ขอให้พ่อแม่ ครอบครัว ย้ายออกนอกพื้นที่เสี่ยงแล้ว แต่พบว่ามีน้อยคนมากที่อพยพย้ายออก จนกระทั่งในที่สุดย้ายออกไม่ได้ ...
ไม่ได้โทษว่าคนไม่ย้ายออกเป็นคนผิด แต่มันเป็นความเคยชินว่า ถ้าจะท่วม ก็คงไม่นาน เดี๋ยวก็แห้ง วันสองวัน ... หรือบางคนน้ำไม่เคยท่วม แต่รอบนี้ไม่ใช่ ... ส่งผลให้มีผู้ติดค้างที่รอการช่วยเหลือจำนวนมาก
สำหรับผม ผมก็ไม่ได้อพยพ เพราะความเคยชินผมก็ประเมินว่าไม่ท่วมบ้านผม ซึ่งถ้าท่วม ก็คงเป็นผู้ประสบภัยเช่นกัน ...
ผมก็ทำเหมือนคนอื่นๆ ที่ไม่อพยพแม้มีคำเตือน ผมแค่บังเอิญโชคดี
4. น้ำรอบนี้เชี่ยวมาก มีญาติ มีเพื่อน มีคนร้องขอให้ช่วยประสาน มีน้องๆ หลายคนน่ารักมากช่วยประสานทีมเจ็ตสกี ทีมเรือหลายๆ ทีมเข้าไป
นั่งประสานอยู่ภายนอกเหมือนง่าย สุดท้ายไม่มีทีมไหนเข้าไปช่วยได้เลยในวันที่ 22-25 พ.ย. ไม่ว่าจะย้ำหรือร้องขอไปกี่รอบ ด้วยเหตุน้ำเชี่ยว ประกอบกับมีคนเดือดร้อนเยอะมากๆๆๆ เกินศักยภาพของหน่วยงานรัฐและทีมกู้ภัย
ทำให้หลายคนที่รอรู้สึกว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือ ซึ่งก็เข้าใจได้ ... ถ้าเราเป็นคนรอก็ต้องรู้สึกแบบนั้น
ในช่วงนั้นมันบีบหัวใจ ทั้งสงสารคนที่ติดอยู่กลางน้ำ กลัวจะมีคนสูญเสีย แต่ในระหว่างนั้นก็เห็นความพยายามของทุกฝ่ายที่จะช่วยเหลือคนให้เยอะที่สุด แต่งานมันก็ยากจริงๆ
สังเกตว่ากว่า ฮ. จะมาช่วยได้ ก็ต้องรอฝนลดลง อากาศเปิดในวันที่ 26, 27 พ.ย. งานนี้ยากทุกมิติ
5. คลอง ร.1 เดิมออกแบบมารับฝน 50 ปี รับได้ประมาณ 465 ลบม/วินาที
มหาอุทกภัย ปี 2553 ฝนสะสมสามวันที่ 488 เกินกำลังจึงท่วม
ต่อมาคลอง ร.1 อัพเกรดเป็น 1200 ลบม/วินาที เพื่อรับฝน 100 ปี
ซึ่งปีที่แล้ว 2567 ฝนสะสมสามวัน 475 ใกล้เคียงมหาอุทกภัย 2553 แต่หาดใหญ่รับได้ ... เอาอยู่
ปีนี้ 2568 ราชการประเมินว่า คลอง ร.1 เอาอยู่ ด้วยศักยภาพที่อัพเกรดมาแล้ว รับได้แม้กระทั่งฝน 100 ปี ... ท่านลองพิจารณาดูว่าการประเมินนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ (ฝน 100 ปี แปลว่ามีโอกาสเกิดฝนหนักแบบนั้น 1% ในแต่ละปึ)
6. ฝนปีนี้ 2568 ดันเป็นฝน 300 ปี* ที่เกินปริมาณที่คลอง ร.1 รับได้ มีฝนสะสมสามวัน 708 มม. ต้องใช้ศักยภาพในการระบาย 2654 ลบม/วินาที
ฝนระดับนึ้ ตั้งแต่ผมเกิดมา และเชื่อว่าผู้ที่อายุมากกว่าผมเกิดมา ก็ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
ตอนที่คลอง ร.1 อัพเกรดมารองรับฝน 100 ปึ มีใครเคยค้านบ้างว่าน้อยไป ไม่เพียงพอ มีใครตามด่าหน่วยงานรัฐทุกปีไหมว่า ทำคลอง ร.1 แค่นี้ได้ยังไง
7. สมมติว่าปี 2567 มีข้าราชการคนนึงเสนองบ 1,000 ล้าน 10,000 ล้าน ต้องกู้เงินมาขออัพเกรดคลอง ร.1 ให้รับน้ำฝน 300 ปี ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และอาจจะไม่เกิดขึ้นในชีวิตนี้ ...
ข้าราชการคนนั้นจะถูกตั้งข้อสงสัย หรือโดนเหยียบไหม ว่าแม่งต้องมีนอกมีใน กู้มาทำไมมากขนาดนั้น ไม่ต้องชดใช้กันยันลูกหลานเลยหรือยังไง
8. ในวันที่ปลัดชื่อดังไปตรวจคลอง ทำคลิปว่าเอาอยู่ ผมลองจินตนาการว่า ถ้าเป็นตัวผมไปตรวจ จะดูอะไรบ้าง ก็คงดูเครื่องสูบน้ำทุกตัวว่าใช้ได้ไหม คันคลองฟันหลอชำรุดไหม พร่องน้ำตามเกณฑ์หรือยัง อะไรทำนองนี้ ... เมื่อดูจนครบแล้ว ถ้าไม่มึอะไรชำรุด ก็แปลว่าฝน 100 ปึ แบบปี 53 เอาอยู่
ถ้าปีนี้ฝนมาแบบฝน 100 ปี แบบปี 53 แล้วท่วม เพราะเครื่องสูบน้ำเสีย ไม่พร่องน้ำ คันคลองฟันหลอ ต้องเอาปลัดคนนั้นให้ตาย ให้จมดิน เห็นด้วย ... ผมขอช่วยเหยียบด้วยอีกคน เพราะผมก็ไม่ได้รู้จัก หรือรักใคร่อะไรเขา
แต่ปีนี้ฝนมาแบบ ฝน 300 ปี ที่ไม่มีใครเคยเห็น ย้อนไปดูเว็บไซต์กรมอุตุบอกภาคใต้โดยเฉพาะสงขลา “ฝนตกหนักมาก” แค่นั้น ... มีใครอ่านแล้วตีความได้ว่าปีนี้ต้องฉิบหายแน่ๆ บ้างไหม
พอฝน 300 ปี มันลงมาเกินศักยภาพคลอง ร.1 มันก็เกิดอภิมหาอุทกภัย อย่างที่เห็น คนเดือดร้อนนับแสนคน เราควรจะโทษใครดี
9. คนที่เดือดร้อนเป็นแสนคน (อาจจะถึง 400,000 คน) บนหน้างานทึ่โคตรยาก น้ำเชี่ยว ฝนตกหนัก ไม่มึไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ (อ่อนมาก) แถมทางหาดใหญ่ก็ซับซ้อน ผู้เดือดร้อนกระจัดกระจายเป็นวงกว้าง และอยู่ตามหลืบซอกซอยยุบยิบ ต้องทำยังไงให้ช่วยทุกคนได้ทั้งหมดในเวลา 3-4 วัน
ผมดูอยู่รอบนอก เห็นสรรพกำลัง ทหาร ตำรวจ ปภ. จิตอาสา พุ่งเข้าไปในพื้นที่ไม่หยุดหย่อน ในขณะเดียวกันก็ตามอ่านโพสต์ผู้เดือดร้อนที่มีจำนวนมหาศาล เห็นทั้งสองส่วน เข้าใจทั้งสองฝ่าย
10. ความเห็นจากนักวิชาการภายนอกพื้นที่บางครั้งก็ไม่มีประโยชน์ มีแนวความคิดเรื่องการระเบิดถนนเพื่อลดระดับน้ำ ซึ่งในคราวแรกผมก็เห็นด้วยและโพสต์สนับสนุนหลายครั้ง
แต่เมื่อได้วิ่งไปดูหน้างานจริงๆ พบว่าระดับน้ำของถนนซ้ายขวาทั้งสองฝั่ง แทบจะเป็นระดับเดียวกัน หมายความว่าระเบิดถนนไปก็ไม่ทำให้มีการระบายน้ำเพิ่มอย่างที่คาดหมาย
ถนนขวางทางน้ำจริง ใช่ แต่ขณะที่เสนอแนวคิดนั้น น้ำมันหาทางไปของมันเองแล้ว จึงมีประโยชน์น้อยที่จะระเบิดถนน
ผมสนับสนุนแนวความคิดนี้ในตอนแรก แต่บางอย่างเราก็ต้องยอมรับว่าเราก็คิดผิด เมื่อได้เห็นหน้างานจริง
11. มีการวิจารณ์ว่าระบบสั่งการ การประชุมห่วยแตก ซ้ำซ้อน อันนี้ไม่รู้เลย เพราะไม่ได้ไปอยู่วงใน
แต่เท่าที่เห็นเมื่อหน้างานเปืดให้ทำงานง่ายขึ้น การช่วยเหลือก็พร้อมเข้าถึงอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เข้าไม่ถึง สรุปว่าเป็นเพราะหน้างานยาก หรือสั่งการห่วย ... ท่านต้องวิเคราะห์กันดู
12. สิ่งที่ควรทำ คือ อะไร
เราควรจะหาใครสักคน ลากมันมาตบ กระทืบๆๆ กลางสี่แยก ว่าเพราะมึง เป็นต้นเหตุให้คนตาย ดีไหม ก็โอเคนะ ใครอยากทำผมก็ไม่ห้าม
สำหรับผม ผมอยากมองไปที่การถอดบทเรียนและเรียนรู้ร่วมกันมากกว่า เช่น
เราจะให้ความรู้ความเข้าใจกันในการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติแบบได้นี้ยังไงบ้าง
รอบหน้า SMS แจ้งเตือนรูปแบบไหนดึ ที่คนจะอ่านแล้ววิ่งไปเก็บของ อพยพออกจากบ้าน มากกว่าที่จะก้มกินกาแฟต่อ
กรมอุตุควรให้ข้อมูลแบบไหน หรือเรามีศักยภาพในการประเมินมากแค่ไหน ต้องอัพเกรดไหม
แผนในการอพยพของเมือง ควรเป็นอย่างไร แต่ละบ้านเมื่ออพยพต้องไปที่ไหน
การอพยพเร็ว และอพบพเยอะทำให้การช่วยเหลือรวมศูนย์ทำได้ง่าย ทำให้เหลือเคสที่ต้องไปช่วยน้อยลง เราควรรณรงค์เรื่องนี้หรือไม่ อย่างไร
หรือเราจะเน้นไม่อพยพ แต่มุ่งช่วยเหลือในวงกว้าง ซึ่งจะต้องเพิ่มเติมทรัพยากรที่ใช้รองรับอีกจำนวนมาก
โครงสร้างการป้องกันภัยพิบัติจะเอาแบบไหน 100 ปี 300 ปี หรือ 1,000 ปี ไปเลย หรือยังไง
ถ้าจะทำแบบป้องกันระดับ 1,000 ปี เราจะเอางบมาจากไหน ด้วยวิธีไหน วางแผนก่อสร้าง เวนคืน กี่ปี
อยากให้เราใช้วิกฤติในครั้งนี้ถกเถียงกันเรื่องพวกนี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่ผ่านวิกฤติแล้วก็ลืม ชาวหาดใหญ่จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์ซ้ำรอยเดิมๆ อีก น่าสงสารเกินไปครับ
#ทนายบอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี