นายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พล.ต.ต.จีรวัฒน์ อุดมสุด ผบก.ภ.จว.ตรัง นายนิพันธ์ ศิริธร ปลัดจังหวัดตรัง ร.อ.นพรัตน์ มหัตเสน ทำการแทนผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ (ลำภูรา) ร่วมกันปล่อยแถวชุดปฏิบัติการจัดระเบียบสังคมจังหวัดตรัง โดยมีกำลังผสมร่วม 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหารกว่า 200 นาย ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานบันเทิงเป้าหมายหลายแห่ง
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ตรวจสอบไปยังสถานบันเทิงต่างๆ ในจังหวัดเพื่อทำความเข้าใจร่วมกันว่า ทางร้านจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยจะต้องมีใบอนุญาตถูกต้อง เปิดไม่เกินเวลา และมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ต้องดูแลผู้มาเที่ยวอย่าให้ฝ่าฝืนกฎหมาย เช่นมีการเสพยา หรืออาศัยสถานใช้เป็นที่กระทำความผิด ซึ่งการตรวจในครั้งนี้มีการตรวจปัสสาวะผู้มาเที่ยวผลปรากฏว่าตรวจไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด
พ.ต.อ.สุรพงษ์ ถนอมจิตร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี, ร.อ.ณรงค์ ภู่เอี่ยม ร้อย.ฉก.รส.ศป.,พ.ต.ท.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนนทบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าตรวจสอบภายในอาคารทิมแลนด์อพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 88/29 หมู่ 2 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังได้รับแจ้งจากประชาชนว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่เก็บตู้สล็อตไฟฟ้าจำนวนมาก
โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นลักษณะอพาร์ทเม้นท์สูง 5 ชั้น เข้าตรวจสอบภายในห้องเลขที่ 316 ชั้น 3 พบตู้สล็อตจำนวน 29 ตู้ จากการตรวจสอบแล้วทุกตู้นั้นยังสามารถใช้การได้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบถามนายวิศณุ เอื้ออารีย์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ โดยอ้างว่าตู้สล็อตดังกล่าวเป็นของเพื่อนสนิทได้นำมาฝากไว้นานประมาณ 1 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกตรวจยึดและบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐานและนำตัวนายวิศณุ ไปสอบสวนเพิ่มเติมต่อที่ สภ.เมืองนนทบุรี อีกครั้ง ส่วนของกลางทั้งหมดได้ทำการเคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาเพื่อสืบหาเจ้าของและจะนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ร.ต.อ.เดชา บุญรอด รอง ผบ.ร้อย ตชด.436 สตูล และกำลังทหารกองกำลังเทพสตรีฯ กำลัง อส. เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 380 หมู่ 2 ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล พร้อมจับกุมตัว นายคอซาวี ปิยะตู อายุ 36 ปี เจ้าของบ้าน และ น.ส.กนกราม หลังจิ อายุ 34 ปี ภรรยาของนายคอซาวี พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้าบรรจุในถุงพลาสติกใส จำนวน 209 เม็ด และยาไอซ์ จำนวน 0.8 กรัม และจับกุมตัว นายหมาด บังคม อายุ 30 ปีอยู่บ้านเลขที่ 145 หมู่ 2 ต.ควนขัน อ.เมือง จ.สตูล พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 90 เม็ด รวมของกลางยาบ้าทั้งสิ้น จำนวน 299 เม็ด
ทั้งนี้ภายหลังเจ้าหน้าที่สืบทราบจากสายว่า ที่บ้านผู้ต้องหาดังกล่าว มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ต.เจ๊ะบิลัง จึงนำกำลังไปตรวจสอบพบว่า มีนายหมาด มาหาซื้อยาบ้าจาก นายคอซาวี ซึ่ง นายหมาด ได้จ่ายเงินค่าซื้อยาบ้าให้ นายคอซาวี ไปแล้ว จำนวน 14,000 บาท สอบสวนในเบื้องต้น นายคอซาวี ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าดังกล่าวไปรับมาจาก นายเอ็ม ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.สตูล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ร.ต.อ.อนุชิต ก้านพลู รอง ผบ.ร้อย ตชด. 246 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่มีการสนธิกำลัง ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองสืบทราบว่า จะมีการลักลอบส่งยาเสพติดกันในพื้นที่บ้านสงาว ใกล้กับศาลเจ้าปู่ดอนศาล ต.ห้วยพิชัย อ.ปากชม จ.เลย จึงให้ชุดจับกุมได้มีการวางแผนใช้กำลังเจ้าหน้าที่ดักซุ่มอยู่ริมน้ำโขง ซึ่งพบเรือหางยาวแล่นมาจากฝั่ง สปป.ลาว มุ่งหน้ามายังฝั่งไทยบริเวณนัดหมายโดยมีคนนั่งอยู่ในเรือ 4 คน เรือได้เข้ามาจอดมีคน 2 คนเดินขึ้นมาบนฝั่ง อีกสองคนนั่งรอในเรือ จึงได้แสดงตัวเพื่อของตรวจค้นและควบคุมตัว และคนที่อยู่ในเรือรู้ว่าเจ้าหน้าที่จึงไหวตัวแล่นเรือกลับฝั่งลาวไป
ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้งสองคน ทราบชื่อภายหลังว่า ท้าวพอน อินโสภา อายุ 22 ปี เป็นราษฎรบ้านก้อนคำ เมืองหมื่น แขวงเวียงจันทน์ และนางคอน จันทะวง อายุ 22 ปี เป็นราษฎรบ้านคกเหมือด เมืองหมื่น แขวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ผลการตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 2,072 เม็ด จึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักลอบนำยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายและมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองและเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร และส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากชม จ.เลย ดำเนินคดีต่อไป
ร.ต.ท.สมชาติ มรรคโช ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองสงขลาได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่วัดท้ายยอ หมู่ที่ 9 ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา พบคนร้ายงัดประตูขโมยตู้บริจาคเงินไป 2 ตู้ และนำไปทิ้งไว้ที่ป่าช้า หน้าเมรุเผาศพ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่า ศาลาการเปรียญของวัดท้ายยอ คนร้ายได้งัดที่คล้องกุญแจประตูจนงอและใช้กุญแจผีไขเข้าไป ยกตู้บริจาค 2 ตู้ที่ตั้งอยู่ภายในศาลาการเปรียญออกไป โดยมีรอยเท้าคนร้าย 2 คน สวมรองเท้า 1 คนและไม่สวมรองเท้า 1 คน บริเวณด้านข้างศาลาพบกุญแจที่ใช้ล็อกประตูตกอยู่ที่พื้นดิน หลังจากนั้นได้เดินทางไปที่ป่าช้า ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายนำกล่องรับบริจาคมาทิ้งไว้
จากการสอบถามคณะกรรมการวัดท้ายยอ ทราบว่า เงินบริจาคที่อยู่ในตู้ไม่ทราบยอดเงินที่ชัดเจน เพราะตู้บริจาคเป็นตู้ทึบ และวัดท้ายยอแห่งนี้ในช่วงเดือนที่ผ่านมาก็โดนคนร้ายเข้ามางัดศาลาการเปรียญด้านข้างยกตู้บริจาคมา 2 ครั้งแล้ว ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 สำหรับคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเบาะแสแล้ว และจะดำเนินการจับกุมต่อไป
ร.ต.ท.อุนุพงษ์ ศิริทร ร้อยเวรสภ.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ได้รับแจ้งจากนายกิติวัฒน์ จันทรสุมาลัย ช่างเทคนิคดูแลพื้นที่เสาสัญญาณโทรศัพท์ของบริษัท ทรู คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ว่ามีสัญญาณดังขึ้นที่บริเวณเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ของทรู ที่บริเวณริมถนนสายราชบุรี-ทุ่งหลวง หมู่ 2 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จึงนำกำลังไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าลูกกรงลวดที่กั้นเสาสัญญาณไว้นั้นถูกตัดจนเป็นช่องโหว่ และมีสายโทรศัพท์ซึ่งอยู่สูงกว่า 20 เมตร ถูกตัดหายไปหลายเส้น เจ้าหน้าที่จึงได้กระจายกำลังกันค้นหาในบริเวณใกล้เคียง พบนายสุดใจ ยาสาธร อายุ 41 ปี และนายธีรธร ยาสาธร อายุ 37 ปี ทั้งสองคนอยู่บ้านเลขที่ 35/1 หมู่ 5 ต.บางกระเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร กำลังนั่งใช้เลื่อยตัดสายโทรศัพท์อยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการจับกุม
โดยนายสุดใจ ยอมรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพทำนาเกลือ แต่มีรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว จึงได้ร่วมกับน้องชายขับขี่รถจักรยานยนต์คนละคันมาหาดูต้นเสาโทรศัพท์ที่อยู่ในที่เปลี่ยว จากนั้นได้ปีนขึ้นไปตัดสายโทรศัพท์ลงมา และนำมาตัดซอยออกเป็นท่อนๆ เพื่อจะนำใส่กระสอบไปลอกเอาลวดทองแดงออกมาขาย เพราะได้ราคาดี แต่ก็มาถูกจับกุมได้เสียก่อน
อำนาจ จงยศยิ่ง 164/108 ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100 โทร.0-5327-3015-6
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี