9 ก.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่า รฟท.คนปัจจุบัน ที่กำลังเป็นที่จับตาของสังคมไทยว่า จะแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก เพื่อให้มีการแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่เข้ามาบริหารปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ หลังเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทยก่อเหตุสะเทือนขวัญฆาตกรรมข่มขืม “น้องแก้ม” เด็กหญิงวัย 13 ปี บนขบวนรถไฟที่วิ่งจาก “สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯ” ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องหาและพบศพ “น้องแก้ม” ซึ่งเบื้องต้นนายประภัสร์ยืนยันว่า ผู้ต้องหาไม่ใช่เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ แต่เป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่รับจ้างเหมาทำความสะอาดบนขวนรถ

สำหรับนายประภัสร์นั้น จบการศึกษาจากระดับมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และเข้าศึกษาต่อที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเมื่อ พ.ศ. 2521 จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาอาชญวิทยา จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียสเตท[1] (California State University) สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2524 กลับมาทำงานที่สำนักงานกฎหมาย ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน จนด็รู้จักกับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อดีตอัยการสูงสุด

ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 นายประภัสร์ได้เข้ามาทำงานที่การทางพิเศษฯ ตามคำชวนของนายจุลสิงห์ ในตำแหน่งนิติกร 7  จนกระทั่งได้ขึ้นเป็น รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน จนถึง ปี พ.ศ. 2540 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการองค์การรถไฟฟ้ามหานคร (รฟม.) กระทั่งมีการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. ปี พ.ศ. 2551 ได้รับการทาบทามจากพรรคพลังประชาชน ให้ลงสมัครในการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. พ.ศ. 2551 ในนามของตัวแทนจากพรรคพลังประชาชน โดยได้คะแนนเสียง 543,488 คะแนน แพ้นายอภิรักษ์ โกษะ

หลังจากการเลือกตั้งผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล นายประภัสร์ ลงสมัครตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งนายประภัสร์ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อ 12 พ.ย.55

นายประภัสร์ อยู่กับรัฐบาลพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด เช่นเดียวกับพี่สาวแท้ๆ คือ นางสุดสงวน สุธีสร อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งโดนพิพากษาจำคุกกรณีนำมวลชนไปวางพวงหรีดและชูป้ายข้อความวิจารณ์การทำหน้าที่ของศาลแพ่งต่อการชุมนุมของกปปส. และมวลมหาประชาชน พร้อมกับนางดารุณี กฤตบุญญาลัย ผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีไปต่างประเทศ