ไทยสูญเสียบุคคลสำคัญ
‘ถวัลย์ ดัชนี’สิ้นลมแล้ว
ศิลปินแห่งชาติชื่อก้องโลก
ตั้งสวดอภิธรรมศพ7คืน
พระราชทานเพลิง11กย.
เมื่อวันที่ 3 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) พ.ศ.2544 ได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยอาการตับอักเสบ โดยนายดอยธิเบศร์ ดัชนี บุตรชาย ได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก Doytibet Duchanee ระบุว่า “พ่อไม่ต้องกังวล เพราะพ่อจะไม่ไปไหน พ่อจากไปแต่เพียงร่างกายแต่ผลงานศิลปะที่มาจากหัวใจ จิตวิญญาณ และลมหายใจที่พ่อสร้างทิ้งไว้จะเป็นอมตะตลอดกาล พ่อคือผู้สร้างและลูกคือผู้รักษา หลับให้สบายนะพ่อ เลือดของพ่อยังไหลเวียนในกายลูกเสมอ และเราจะพบกัน...รักพ่อสุดหัวใจ กราบเท้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย”
นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) แจ้งว่า นายถวัลย์ ได้ถึงแก่กรรม เมื่อวันพุธที่ 3กันยายน2557 เวลาประมาณ 02.15น.ด้วยอาการตับอักเสบ ที่โรงพยาบาลรามคำแหง สิริรวมอายุ 74ปี 11เดือน ทั้งนี้ นายถวัลย์ มีโรคประจำตัวคือ เบาหวานและความดัน โดยปี2555 ได้เข้ารับการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตซึ่งมีความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ต่อมาต้นปี2557 ตรวจพบเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้ายและช่วงปลายเดือนมิถุนายน ได้เข้ารับการรักษาอย่างจริงจังพบว่า เชื้อมะเร็งลุกลามไปที่ตับและปอด มีอาการไตวาย จากนั้นอาการก็ทรุดหนักจนกระทั่งเสียชีวิต โดยจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพวันที่ 4กันยายน เวลา 13.00น.ณ ศาลา1 วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร จากนั้นกำหนดจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ระหว่างวันที่ 4-10กันยายน เวลา 19.00น.และจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันพฤหัสบดีที่ 11กันยายน เวลา 17.00น.
ด้าน นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ และผู้สร้างวัดร่องขุ่น จ.เชียงราย กล่าวว่า นายถวัลย์ เป็นศิลปินแห่งชาติผู้ที่มีฝีมืออันดับหนึ่งและเป็นแบบอย่างของศิลปินหลายๆคน แม้กระทั่งตนที่นับถือเป็นไอดอล การสูญเสียนายถวัลย์ไปนั้นถือว่าเป็นการสูญเสียสิ่งที่มีค่ายิ่งของประเทศไทยและโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นศิลปินที่มีความสามารถทำให้ศิลปะของไทยไปโด่งดังอยู่ในทุกมุมโลก ทำให้ทั่วโลกได้รู้จักกับประเทศไทย
“จะเห็นได้ว่าบ้านดำที่พี่ถวัลย์ได้ก่อตั้งขึ้นมามีความยิ่งใหญ่มาก ซึ่งผมไม่สามารถเทียบได้เลย เมื่อไม่มีพี่ถวัลย์ ศิลปินทุกท่านก็พร้อมที่จะให้การช่วยเหลือในด้านต่างๆ หากทางลูกชายและภรรยาของพี่ถวัลย์ขอความช่วยเหลือมา สำหรับพี่ถวัลย์ ถือเป็นแบบอย่างศิลปินในรุ่นหลังเป็นอย่างมากอยากให้น้องๆ ศิลปินได้เอาพี่ถวัลย์เป็นแบบอย่างต่อไป” นายเฉลิมชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ “บ้านดำ” เลขที่ 414 บ้านแม่ปูคา หมู่ 13 ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ.เชียงราย มี 42 หลัง ในพื้นที่ประมาณ 100 ไร่ มีวิหารดำหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้า เปิดตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ทุกวันว่า ยังคงเปิดให้ตามปกติและมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนตั้งแต่เช้า แต่เจ้าหน้าที่ภายในบ้านดำอยู่ในอาการโศกเศร้า ภายหลังทราบข่าวการเสียชีวิตของนายถวัลย์
น.ส.อรทัย ขุนพิลึก เจ้าหน้าที่ดูแลบ้านดำ กล่าวว่า หลังทราบข่าวการจากไปของนายถวัลย์ ทุกคนตกใจอย่างมากและทำอะไรไม่ถูก จากนั้นผู้ใหญ่หลายคนรวมทั้งญาติๆ และผู้จัดการได้พากันเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพื่อร่วมพิธีศพ โดยบอกเจ้าหน้าที่ว่า จะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตามวันและเวลาปกติเหมือนเดิม ส่วนภาพที่อาจารย์ถวัลย์วาดและนำมาจัดแสดงที่อาคารจัดแสดงด้านหน้าวิหารดำ คือ ภาพมารผจญทั้ง 2 ใบ มีความยาวประมาณ 3 เมตรนั้น แม้ว่าจะมีผู้สั่งจองเอาไว้ คือ นายบุญชัย เบญจรงคกุล นักธุรกิจและนักสะสมงานศิลปะชั้นนำ เจ้าของพิพิธภัณฑ์ศิลปะไทยร่วมสมัย แต่ก็ยังไม่ได้มีการส่งมอบกัน ซึ่งตามปกติจะไม่มีการวางเงินมัดจำใดๆ ถ้าอาจารย์จะให้ก็ให้เลย กระทั่งท่านมาเสียชีวิตเสียก่อนจึงเก็บภาพดังกล่าวเอาไว้ต่อไป
นายอภิรักษ์ ปันมูลศิลป์ ศิลปินชาวเชียงราย กล่าวว่า อาจารย์ถวัลย์ ถือเป็นปูชนียบุคคลของศิลปินชาวเชียงราย เพราะท่านเป็นศิลปินที่มีผลงานศิลปะระดับโลกและทำสิ่งดีงามเอาไว้มาก รวมทั้งเป็นผู้ วางรากฐานของงานศิลปะและมีคำสั่งสอนสำหรับศิลปินชาวเชียงรายทุกคน จนถือเป็นต้นแบบหรือเสมือนพ่อด้านศิลปะของพวกเรา
สำหรับประวัติของ อาจารย์ถวัลย์ เป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการวาดรูปมาตั้งแต่ชั้นมูลและชั้นประถม สามารถวาดตัวละครรามเกียรติ์ได้เกือบทุกตัว มีความจำเป็นเลิศและมีความคิดและจินตนาการที่แหวกแนวกว่าเด็กทั่วไป เมื่อจบชั้นมัธยม 6 ที่เชียงราย ได้รับทุนมาเรียนต่อที่ โรงเรียนเพาะช่าง และได้เป็นนักเรียนดีเด่นด้านจิตรกรรม ที่ผลงานได้รับการคัดเลือกไปแสดงในหอศิลป์แห่งชาติ นครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้น ได้เข้าศึกษาต่อที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และได้เป็นศิษย์รุ่นท้ายๆ ของ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บรมครูของงานศิลปกรรมร่วมสมัยในประเทศไทย
ต่อมา อาจารย์ถวัลย์ได้รับการสนับสนุนจากศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ให้สอบชิงทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้านสาขาจิตรกรรมฝาผนัง อนุสาวรีย์ ผังเมือง และในระดับปริญญาเอก สาขาอภิปรัชญา และสุนทรียศาสตร์ ที่ราชวิทยาลัยศิลปะอัมสเตอร์ดัม เมื่อกลับมาถึงประเทศไทย ได้เขียนรูปขนาดใหญ่ของเขาหลายรูป ต่อถูกต่อต้าน ด้วยเหตุที่ว่าผลงานเหล่านั้น หมิ่นเหม่ และดูหมิ่นพระพุทธศาสนา จนทำให้เลิกแสดงผลงานในประเทศไทยไปนานหลายปี กว่าคนไทยจะยอมรับได้ ก็กินเวลากว่า 30 ปี กระทั่งในปัจจุบันผลงานของเขาได้รับการยอมรับ และได้รับการยกย่องชื่นชมว่าเป็นงานศิลปะชั้นเลิศ อีกทั้งเป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมงานศิลปะ และยังมีผลงานศิลปะฝากไว้ในหลายๆ แห่งในโลกอีกมากมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี