10 พ.ย. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ว่าบริเวณชายหาดปากพนังได้มีชาวบ้านนับร้อยคนพาแห่กันไปเก็บหอย หลังถูกคลื่นทะเลพัดเข้าหาชายฝั่งมากองอยู่บนพื้นทรายชายหาดเป็นจำนวนมาก ระยะทางยาวกว่า 300 เมตร

จากการตรวจสอบพบว่า ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ริมชายหาดทะเลปากพนัง ม.10 บ้านหน้าโกติ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้มีชาวบ้านทั้งชายหญิง และเด็กในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงนับร้อยคนแห่แหนกันนำกระสอบถุงปุ๋ยมาเก็บหอยหลากหลายชนิด อาทิ หอยคราง หอยกะพง หอยตาไซ หรือหอยกาบ เป็นต้น หลังถูกน้ำทะเลพัดพามากองอยู่บนพื้นทรายริมชายหาดเป็นแนวยาวกว่า 300 เมตร  ขณะที่กรมประมงคาดว่ามีปริมาณมากถึง 2,000 – 3,000 กิโลกรม

ขณะชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า ตนและชาวบ้านคนอื่นๆ โดยเฉพาะชาวประมงจะทราบดีอยู่แล้วว่า หากช่วงไหนที่เกิดพายุฝนกระหน่ำ กระแสลมรุ่นแรงในท้องทะเล ทำให้คลื่นลมแรงพัดยังบริเวณชายฝั่ง ก็จะหอบเอาสัตว์ทะเลเช่นหอยชนิดต่างๆ เข้าสู่ชายฝั่ง หลังคลื่นลมสงบชาวบ้านที่รู้ก็จะแห่แหนกันมาตรวจสอบตามริมหาด โดยชาวบ้านทั่วไปจะเรียกปรากฏการณ์นี้ว่าเป็น “ปรากฏการณ์หอยครางคลื่นซัด” แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก ซึ่งถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งในรอบ10 ปีที่ชาวบ้านพบ ซึ่งถือว่าในท้องทะเลยังมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มาก

ผู้สื่อข่าวรายงาน หอยครางซึ่งมีลักษณะคล้ายกับหอยแครงแต่มีขนาดลำตัวที่ใหญ่กว่า บริเวณเปลือกจะมีขน มักอาศัยอยู่ตามแนวปะการัง ปกติชาวประมงจะไม่ค่อยนิยมจับมาเป็นจำหน่าย นอกเสียจากหอยแครงขาดตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถิ่นที่อยู่อาศัยมักอยู่ตามแนวปะการัง ซึ่งทำให้ยากต่อการจับและอาจอาจทำให้ปะการังเสียหายได้ ส่วนของรสชาติจะไม่แตกต่างกันมากนักกับหอยแครง นอกจากเนื้อที่มีความเหนียวกว่าเท่านั้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วตามร้านอาหารจะจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท โดยชาวบ้านแต่ละรายสามารถเก็บหอยในครั้งนี้ได้มากถึง 50-100 กิโลกรัม ก่อนที่จะมีผู้ที่ต้องการมายืนรอรับซื้ออยู่ถึงกิโลละละ 30-50 บาท

อย่างไรก็ตาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ที่คลื่นลมแรงและหอบเอาทรายและหอยต่างๆ ขึ้นมาบนชายฝั่ง โดยส่วนหนึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสัณฐานของทะเลบริเวณนี้ และนับว่าธรณีวิทยาบริเวณนี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง ซึ่งหลังจากนี้จะได้ทำการตรวจสอบต่อไป