ล่า‘ฉัฐวัสส์ มุตตามระ’
หนีคุก115ปีโกง‘บีบีซี’
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เวลา 11.00 น. ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาในคดีฉ้อโกงทรัพย์สินธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) (บีบีซี) ที่นายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือบีบีซี กับ พวกรวม 8 คน นายเอกชัย อธิคมนันทะ อายุ 65 ปี อดีต ผช.กก.ผจก.ใหญ่ บีบีซี , นายวันชัย ธรรมธิติวัฒน์ อายุ 55 ปี อดีตผอ.สำนักบริหารเงินและวิเทศทนกิจ และอดีตผช.กก.ผจก.ใหญ่บีบีซี,นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ อายุ 67ปี อดีตกรรมการบริษัท สยาม แมสคอนสตรัคชั่นจำกัด ซึ่งเป็นบริษัทขอกู้สินเชื่อกับ บีบีซี และเป็นอดีต สส.ปทุมธานี พรรคชาติไทย หนึ่งในนักการเมืองกลุ่ม 16, นายมาโนช เชาวรัตน์ อายุ 56 ปี อดีตกรรมการบริษัท สยามแมสฯ, นายฉัฐวัสส์ หรือ วีรพล มุตตามระ อายุ 58 ปี ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามแมสฯ และอดีตนักการเมืองกลุ่ม16 ,บริษัท อเมริกันแสตนดาร์ด แอ๊พเพรซัล จำกัดซึ่งเป็นบริษัทรับจ้างประเมินราคาทรัพย์สิน และนายไพโรจน์ ซึ่งศิลป์ อายุ 64 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทอเมริกันแสตนดาร์ด ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษฯ
เป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์และความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จากกรณีเมื่อปี 2537-2538 นายเกริกเกียรติ กับพวกร่วมกันอนุมัติวงเงินสินเชื่อให้กับบริษัท สยาม แอส คอนสตรัคชั่น จำกัด ในวงเงินเกิน 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าบริษัท สยาม คอนสตรัคชั่น จำกัด มีทุนจดทะเบียนเพียง 1,000,000 บาทและมีภาวะหนี้สินเป็นธุรกิจที่ไม่อาจสร้างรายได้ในขณะนั้นแต่นายเกริกเกียรติกลับอนุมัติสินเชื่อวงเงินเกิน30 ล้านบาท โดยไม่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการสินเชื่อหรือคณะกรรมการบริหาร บีบีซี ดังนั้น การกระทำของนายเกริกเกียรติมีความผิดจริงตามฟ้อง เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องโดยไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย แต่เนื่องจากนายเกริกเกียรติเสียชีวิตแล้ว สิทธิฟ้องจึงระงับไป ขณะที่นายฉัฐวัสส์ หรือ วีรพล มุตตามระ เจ้าของบริษัท สยาม คอนสตรัคชั่น จำกัดและเป็นผู้ขอสินเชื่อ หรือ จำเลยที่ 6
ศาลพิพากษา จำเลยที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.352ประกอบ ม.83 , 353 -354 ประกอบ 86 และพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มาตรา 4, 307, 308, 311ประกอบ 315 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุด ให้จำคุก กระทงละ5 ปี ปรับกระทงละ1,000,000บาท รวมทั้งสิน 31 กระทง รวม โทษจำคุกเป็นเวลา155 ปีและปรับ 31 ล้านบาท แต่ตามกฎหมายให้จำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปี รวมถึงใช้เงินคืนแก่โจทก์กว่า732 ล้านบาท และยกฟ้องจำเลยที่ 2 , 3 , 4 , 5 ,7 และ 8แต่ให้ขังจำเลยที่ 4-5 ไว้ระหว่างอุทธรณ์
สำหรับในการอ่านคำพิพากษาครั้งนี้ มีจำเลยที่ 2 ,4 , 5,7 และ 8 เดินทางมา ส่วนนายเกริกเกียรติ จำเลยที่1ได้เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2555 ด้วยโรคมะเร็งในปอดที่ รพ.บำรุงราษฎร์ ขณะอายุ 63 ปี ศาลจึงให้จำหน่ายคดี นายเกริกเกียรติ ออกจากสารบบความ ส่วนจำเลยที่ 3 ป่วยหนัก ขณะที่ นายฉัฐวัสส์ จำเลยที่ 6 ไม่เดินทางมาซึ่งศาลได้ออกหมายจับไว้ แล้วจึงอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 6 ตามกฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี