20 พ.ค.58 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พรชัย ชลอเดช ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.อภิชาติ ทองจันดี รองผกก.สส.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ธเนศ มีทอง สว.สส.สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แถลงจับกุม นายคูนิกกินาริ อาคิเลซา อายุ 25 ปี สัญชาติอินเดีย , น.ส.โซย่า อายุ 23 ปี สัญชาติเมียนมา โดยสามารถจับกุมได้ภายในโรงแรมแกรนไฟว์ ชั้น 2 ซอยสุขุมวิท 3/1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.เมื่อวันที่ 19 พ.ค.58 เวลาประมาณ 17.20 น.พร้อมของกลางรวมทั้งสิ้น 599 ชิ้น

และ น.ส.อภรณ์ เกิดสุข อายุ 35 ปี สามารถจับกุมได้บนิเวณร้าน VARIETY SHOES ไม่มีเลขที่ ถนนสุขุมวิท 3/1 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.เมื่อวันที่ 19 พ.ค.58 เวลาประมาณ 17.20 น.พร้อมของกลาง รองเท้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าของยี่ห้อหลุยส์ วิตตอง จำนวน 54 คู่ รองเท้าปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าของยี่ห้อเฮอเมส จำนวน 29 คู่ และรองเท้าปลอมแปลงเครื่องหมายทางการค้าของยี่ห้อพราดีา จำนวน 7 คู่

โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า จำหน่าย เสนอจำหน่าย มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าที่ผู้อื่นได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักร

พล.ต.ต.ชวลิต กล่าวว่า เนื่องจากชุดสืบสวน สน.ลุมพินี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.สืบสวนติดตามจนทราบว่าร้านค้าภายในโรงแรมแกรนไฟว์ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.มีการลักลอบจำหน่ายและกักเก็บสินค้าประเภทกระเป๋า นาฬิกา ที่มีการปลอมเครื่องหมายการค้า จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขอออกหมายค้นเลขที่ 261/2558 ลงวันที่ 19 พ.ค.58 และเลขที่ 262/2558 ลงวันที่ 19 พ.ค.58 ต่อมาชุดสืบสวนของ สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.พร้อมด้วยตัวแทนจากบรษัท หลุยส์ วิตตอง มาลเลติเย เดินทางเข้าตรวจค้นร้านค้าภายในโรงแรมแกรนไฟว์ พบผู้ต้องหากำลังจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และพบกระเป๋า รองเท้า ของหลายยี่ห้อ อาทิ หลุยส์ วิตตอง , ชาแนล , พราด้า เป็นต้น ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ส่งพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินีให้ดำเนินการต่อไป

ด้าน นางมาลา ตั้งประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคเอกชน) กล่าวว่า ตั้งแต่มีคำสั่งยกเลิกชุดเฉพาะกิจ ก็มีการปลอมแปลงสินค้าละเมิดขสิทธิ์ และละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไม่สามารถประมวลมูลค่าความเสียหายได้ เนื่องจากมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญานั้นมีแทบทุกพื้นที่ เช่น พัฒน์พงศ์ สุขุมวิท เอเชียทีค มาบุญครอง และภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งต้องขอขอบคุณทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.น.และชุดสืบสวน บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ สน.ลุมพินี ที่ให้โอกาสและคุ้มครองสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์