เมื่อเวลา13.00น.วันที่ 9 ก.ค.58  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช พล.ต.ต.ชวลิต ประสพศิลป ผบก.น.5 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ.ภาดล ประภานนท์ รองผบก.น.5 พ.ต.อ.ขจรพงศ์ จิตต์ภาคภูมิ ผกก.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.สมศักดิ์ มงคลคุณากร รองผกก.ป.สน.ทองหล่อ พ.ต.ต.ชาญชัย ฤทธิฦาชัย สว.ป.สน.ทองหล่อ พ.ต.ต.อัครัช ถนอมชาติ สว.สส.สน.ทองหล่อ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ทองหล่อ แถลงผลการจับกุม นายดมิทโทร บอนดร้า อายุ 32 ปี สัญชาติ ยูเครน และนายโอเล็กซานเดอร์ คอชชิวมินิค อายุ 38 ปี สัญชาติยูเครน พร้อมของกลาง เงินสดจำนวน 820,000 บาท บัตรอิเลคทรอนิค สีเขียว ขาว แดง จำนวน 172 ใบ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง เครื่องอ่านและบันทึกข้อมูลบัตรเครดิต จำนวน 1 เครื่อง  คอมพิวเตอร์โน้ตบุกยี่ห้อLENOVO สีดำ จำนวน 1 เครื่อง ที่ชาร์คอมพิวเติร์ จำนวน 3 ตัว หมวกแก๊ปสีดำ จำนวน 4 ใบ และผมปลอม(วิกสั้น) จำนวน 1 อัน โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณข้างตู้กดเงินสด(ATM) ของธนาคารไทยพาณิชย์ ระหว่างซอยสุขุมวิท45 และ 47 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. เมื่อวันที่7ก.ค เวลาประมาณ23.45น. ในข้อหาร่วมกันใช้หรือร่วมกันมีไว้เพื่อใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน อันได้มาโดยรู้ว่าเป็นของที่ทำปลอมหรือแปลงขึ้น

 

พ.ต.อ.ขจรพงศ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าตำรวจชุดจับกุมออกตรวจพื้นที่ตามปกติ เมื่อถึงตู้กดเงินสดบริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่สังเกตุเห็นนายดมิทโทร และนายโอเล็กซานเดอร์ กำลังยืนอยู่หน้าตู้กดเงิน ลักษณะท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงทำการขอเข้าตรวจค้น พบบัตรอิเลคทรอนิค จำนวน 47 ใบ และเงินสดจำนวน 220,000 บาท ภายในกระเป๋าสะพาย และกระดาษระบุหมายเลขบัตร พร้อมรหัส 4 หลัก จำนวน 2 แผ่น ซึ่งบัตรอิเลคทรอนิคดังกล่าวมีลักษณะคล้ายบัตรทั่วไป แต่เจ้าหน้าที่พบว่ามีการจดรหัสใส่กระดาษทั้ง 2 ใบ จึงเชื่อว่าเป็นบัตรอิเลคทรอนิคปลอม จากนั้นได้ทำการสอบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาพักอยู่ห้องพักเลขที่511 ชั้น5 อาคารแอลเอ ทาวเวอร์ ซอยอิทามระ47 แขวง/เขตดินแดง กทม. เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นห้อง พบบัตรอิเลคทรอนิคปลอมอีก 125 ใบ เครื่องอ่าน เครื่องบันทึกข้อมูลบัตรเครดิต คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค เเละเงินสดอีก 600,000 บาท จึงทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง เพื่อดำเนินคดี 

 

พ.ต.อ.ขจรพงษ์ กล่าวอีกว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า บัตรเครดิตดังกล่าวเป็นของปลอมจริง โดยรับบัตรเครดิตมาจากชาวรัสเซีย ที่รู้จักกันตอนไปเที่ยวที่อเมริกาใต้ เมื่อ 1 ปีที่แล้ว โดยชาวรัสเชียคนดังกล่าวจะส่งของกลางทั้งหมดมาทางไปรณีย์ ส่วนนายอมิทโทร และนายโอเล็กซานเดอร์จะไปรับของดังกล่าวมา และนำบัตรเครดิตปลอมไปกดตามตู้ต่างๆ บริเวณซอยสุขุมวิท45-47 โดยบัตรเครดิตแต่ละใบจะมีวงเงิน 100,000 บาท เมื่อกดเงินสดได้ ผู้ต้องหาจะนำเงินไปแลกเป็นเงินของต่างประเทศ จากนั้นจะมีนายหน้าชาวรัสเซีมมารับเงินส่วนแบ่ง 10% ทางเจ้าหน้าที่จึงเชิญเจ้าหน้าที่จากธนาคารกสิกรไทยมาตรวจสอบข้อมูลในบัตรเพิ่มเติม ปรากฎว่าข้อมูลในบัตรแต่ละใบเป็นของธนาคารต่างประเทศในโซนยุโรปทั้งหมด ซึ่งมูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 15 ล้านบาท 

 

จากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าออกในประเทศไทย ที่กองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)  พบว่านายดมิทโทรเคยเข้ามาประเทศไทย จำนวน 3 ครั้ง ในฐานะนักท่องเที่ยว ส่วนโอเล็กซานเดอร์ เพิ่งเข้ามายังประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในฐานะนักท่องเที่ยว เข้าเมื่อวันที่2ก.ค.58 ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวในวันที่ 7ก.ค.ที่ผ่านมา