7 ส.ค. 58 เวลา10.30น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พ.ต.อ. พ.ต.อ.เติมเผ่า สิริภูบาล , ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.อ.ธรรศธรรม นาคมณี พงส.ผทค.สน.ทุ่งสองห้อง พ.ต.ท.พิภพ สุขก่ำ รองผกก.สส.สน.ทุ่งสองห้อง , พ.ต.ท.อาทิตย์ พรหมนอก สวป.สน.ทุ่งสองห้อง และเจ้าหน้าที่บก.ป. แถลงผลการจับกุม น.ส.ปภิณดา หรือปอ ชัยสาธิตพร อายุ 32 และน.ส.อำมรีย์ หรือหมี เมฆทา อายุ 32 พร้อมของกลาง รถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน กย-6346ระยอง จำนวน 1 คัน สำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์โตโยต้า รุ่นวีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน กย-6346ระยอง จำนวน 1 ฉบับ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนางสาวศิริลักษณ์ พลราช(ผู้ครอบครองรถยนต์ แต่มีรูปใบหน้าของผู้อื่นมาแทนที่รูปของผู้เสียหาย) จำนวน 1 ฉบับ ,รถยนต์ฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน กง-4917ชุมพร จำนวน 1 คัน สำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์ฮอนด้า สีขาว รุ่นแจ๊ส หมายเลขทะเบียน กง-4917ชุมพร จำนวน 1 ฉบับ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายอมรเทพ สนั่นแสง(ผู้ครอบครองรถยนต์ แต่มีรูปใบหน้าของผู้อื่นมาแทนที่รูปของผู้เสียหาย) จำนวน 1 ฉบับ โดยสามารถจับกุมได้บริเวณเต็นท์รถไม่มีชื่อ ถนนกำแพงเพชร6 ซอย7 แยก3-6 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เมื่อวันที่ 5 ส.ค.58 เวลาประมาณ23.00น.

พ.ต.ท.พิภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ส.ค. เวลาประมาณ14.00น. บริษัทนิค คาร์เร้นท์ แอนด์ทรานสปอร์ต จำกัด เจ้าของบริษัทให้เช่ารถพบความผิดปกติจากสัญญาณจีพีอาร์เอส ของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีเทา หมายเลขทะเบียน กย-6346ระยอง ซึ่งเป็นรถที่น.ส.ปภิณดา ได้เช่าไปจากบริษัท จึงเดินทางไปตรวจสอบตำแหน่งสุดท้ายที่จีพีอาร์เอสปรากฎ พบว่าจอดอยู่ภายในเต็นท์รถไม่มีชื่อ ในพื้นที่ของสน.ทุ่งสองห้อง จึงทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้นำรถที่เช่ามาจากเต็นท์รถของตน นำเอกสารการเช่ารถปลอม และรถยนต์คันดังกล่าวมาฝากขาย จึงเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ที่สน.ทุ่งสองห้อง

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า น.ส.ปภิณดา และน.ส.อำมรีย์ ร่วมกันออกตระเวนเช่ารถยนต์ตามบริษัทต่างๆ  ในกทม. และต่างจังหวัด เมื่อเช่ารถมาได้จะนำข้อมูลจากสำเนารายการจดทะเบียนรถ ที่เจ้าของรถมอบให้ไว้ประจำรถ เอาไปทำสำเนาบัตรประชาชนปลอม ให้มีข้อมูลตรงกับเจ้าของรถที่ปรากฏในเอกสารฉบับจริง จากนั้นจะนำเอกสารไปหลอกลวงตามเต้นท์รถต่างๆ ว่าเป็นรถของตนเองไปทำการขายฝาก เจ้าของเต้นท์รถหลงเชื่อก็รับซื้อฝากไว้ มอบเงินให้กับผู้ต้องหาทั้ง 2 ไป โดยมีเจ้าของเต้นท์รถที่ถูกหลอกลวงในลักษณะนี้จำนวน 9 แห่ง รถยนต์ 17 คัน มูลค่าความเสียหายทั้งหมดกว่า 15 ล้านบาท

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามและวางแผนเข้าจับกุมจนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง2 จะนำรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ็ส สีขาว หมายเลขทะเบียน กง-4917 ซึ่งเช่ามาจาก บริษัทเฟรนด์ลี่ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ไปฝากขายที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งในพื้นที่สน.ทุ่งสองห้อง เจ้าหน้าที่จึงวางแผนการจับกุมได้ขณะกำลังทำการขายฝากรถ และสามารถตรวจยึดรถคันดังกล่าวไว้ พร้อมสำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์ สำเนาบัตรประชาชนปลอม นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

จาการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ทำเพราะอยากได้เงินไปใช้จ่าย โดยก่อนหน้านี้เคยรับจำนำรถตามบ่อนต่างๆ ทำให้มีความรู้วิธีการเช่ารถ ขายฝาก เป็นอย่างดี พอบ่อนถูกปิดก็ไม่มีอะไรทำ จึงหันมายึดอาชีพหลอกเช่ารถมาแล้วนำไปขายฝาก แต่ได้เงินจำนวนไม่มาก เมื่อครบกำหนดจ่ายค่าเช่ารถคันก่อนหน้าแล้วไม่มีเงินจ่าย ก็ต้องไปเช่ารถคันอื่นๆ ลักษณะเดียวกันต่อ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เงินมาหมุนเวียนให้ทัน

ส่วนวิธีการจะค้นหาข้อมูลเต้นท์ให้เช่ารถจากอินเทอร์เน็ต และโทรไปติดต่อพูดคุยขอเช่า วิธีการจะเลือกเต้นท์รถขนาดเล็ก และเลือกรถเป็นที่นิยมในตลาด อาทิ โตโยต้า วีออส แคมรี่ ฮอนด้า ทำมากว่า 4 เดือน ส่วนบัตรประชาชนที่ใช้ปลอมแปลงจ้างทำจากเฟซบุ๊ก ราคา 2,000-3,000 บาท จากนั้นจะส่งมาให้ผู้ต้องหาทางอีเมลล์นำไปปริ๊นเพื่อใช้งาน จากนั้นจะอ้างกับเจ้าของเต้นท์รถว่าเป็นรถที่เจ้าของโอนลอยมา เต้นท์ก็รับเพราะนึกว่าเจ้าของที่มีชื่อในทะเบียนโอนลอยมาจริง โดยมีหลักฐานจากสำเนาบัตรประชาชน ชุดโอนลอยแนบประกอบ ทางเต้นท์ก็รับไปโอนต่อใส่ชื่อตนเองได้ ทั้งนี้มีผู้เสียหายทั้งหมด 9 ราย รถ 17 คัน สามารถยึดรถคืนมาให้ผู้เสียหายได้ทั้งสิ้น 14 คัน ที่เหลืออยู่ระหว่างติดตามนำมาคืนเจ้าของต่อไป

เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสาร ,ปลอมแปลงและใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารที่ราชการออกให้ ,ร่วมกันฉ้อโกงและรับของโจร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป