“มหาสารคาม” ตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของภาคอีสาน หรือ “สะดืออีสาน” เป็นจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมอันยาวนาน มีหลักฐานด้านโบราณคดีว่ามีชุมชนโบราณมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุมชนบ้านเชียงเหียน หมู่บ้านปั้นหม้อ ของชาวบ้านหม้อ ต.เขวา อ.เมืองมหาสารคาม แหล่งโบราณสถาน และสถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น พระบรมธาตุนาดูน กู่สันตรัตน์ อำเภอนาดูน กู่บ้านแดงอำเภอวาปีปทุม ปรางกู่ ต.เขวา อ.เมืองมหาสารคาม
เจ้าเมืองคนแรกของมหาสารคาม คือ “ท้าวมหาชัย” หรือ“ท้าวกวด” ที่ได้นำพาผู้คนจากเมืองร้อยเอ็ด มาทางทิศตะวันตกประมาณ 1,000 เส้น เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2508 มาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณที่ดอน ที่เรียกว่า “วัดข้าวฮ้าว” ซึ่งอยู่ได้เพียง 6 เดือน ก็ต้องย้ายออก เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวขาดแคลนน้ำ จึงได้ย้ายมาที่กุดยางใหญ่กับหนองทุ่ม ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่บ้างแล้ง คือ บ้านจาน ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าว อยู่ใกล้ห้วยคะคาง จึงนับว่าเป็นชัยภูมิที่ดีที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์
นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่าพระเจริญราชเดช (ท้าวกวด) เป็นบุตรอุปฮาดสิงห์ เจ้าเมืองร้อยเอ็ด เกิดเมื่อปี พ.ศ.2379 ที่เมืองร้อยเอ็ด เป็นหลานปู่ขัติยวงษาพิสุทธิบดี (สีลัง) และเป็นเหลนพระขัติยวงษา (ทน)ผู้สร้างเมืองร้อยเอ็ดซึ่งเป็นเจ้าเมืองร้อยเอ็ดคนแรก พระเจริญราชเดช(ท้าวกวด) เมื่อเติบโตขึ้นได้ไปศึกษาอยู่ที่สำนักท่านหลักคำเมืองอุบลราชธานี เมื่อจบการศึกษาที่นั่นแล้ว ได้กลับไปรับราชการอยู่กับพระขัติยวงษา (จัน) ที่เมืองร้อยเอ็ด ท่านเป็นผู้ที่มีความสามารถในงานราชการปราบโจรผู้ร้ายให้สงบราบคาบได้ จึงได้รับแต่งตั้งเป็น “ท้าวมหาชัย” เมื่ออายุได้ 21 ปี ใน พ.ศ.2412 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ยกฐานะเมืองมหาสารคามขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ ต่อมาในปี พ.ศ.2418 พวกฮ่อเป็นกบฏ พระเจริญราชเดช (ท้าวกวด) ก็ได้ร่วมทำการรบปราบกบฏฮ่อ จนสามารถชนะศึกสงคราม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามเป็น “พระเจริญราชเดชวรเชษฐมาขัติยพงศ์สุรชาติ ประเทศราชธำรงค์รักษ์ศักดิ์กิติยศไกร ศรีพิชัยเทพวรฤทธิ์ พิษณุพงศ์ปรีชา สิงหาบุตรสุวัฒนา นคราภิบาล”
พระเจริญราชเดช (ท้าวกวด) ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อ พ.ศ.2421 และเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้อนุชนรุ่นหลังถือเป็นตัวอย่างในการกระทำความดี จึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์พระเจริญราชเดช (ท้าวกวด) เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ.2526 และได้ทำพิธีเปิดอนุสาวรีย์ ในวันที่ 14 เมษายน พ.ศ.2527
จากอดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลา 150 ปี ของการก่อตั้งเมืองมหาสารคาม ดังนั้น จังหวัดมหาสารคาม จึงได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน จัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง 150 ปีมหาสารคามภายใต้ชื่องาน “150 ปี มหาสารคาม กินดี อยู่ดี มีสุข รู้รักสามัคคี อย่างยั่งยืน” กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 21-23 สิงหาคม 2558 โดยได้มีการบูรณาการกันทุกภาคส่วน จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองกันมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ปีที่ 150 ซึ่งจังหวัดมหาสารคามจะมีอายุครบ 150 ปี ในวันที่ 22 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ ซึ่งมีกิจกรรมเฉลิมฉลองมากมาย มีการบวงสรวจมเหศักดิ์หลักเมือง บวงสรวงพระเจริญราชเดช (ท้าวกวด) เจ้าเมืองคนแรก การแสดงศิลปวัฒนธรรม กระประกวดหนุ่มเมืองมหา ประกวดธิดาสร้อยดอกหมากการแสดงนิทรรศการมหาสารคาม 150 ปี ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ การเขียนแผ่นทองอวยพรเมืองแล้วนำไปแขวนบนต้นมหาสารคามส่วนไฮไลต์ของการจะเป็นการรำฉลองเมือง โดยมีนางรำจากอำเภอต่างๆ ทั้ง 13 อำเภอ มาร่วมสร้างสถิติไม่ต่ำกว่า 40,000 คน
นายแพทย์กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีเมืองมหาสารคาม กล่าวว่า ทางเทศบาลเมืองมหาสารคาม ได้ร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง 150 ปี ของการก่อตั้งเมืองมหาสารคาม โดยจะมีการบวงสรวงมเหศักดิ์หลักเมือง ณ บริเวณศาลหลักเมืองมหาสารคาม ในวันที่ 21สิงหาคม มีการสวดมนต์หมู่สรรเสริมพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ ขอพรให้การดำเนินกิจกรรมเฉลิมฉลอง 150 ปี สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ต่อมาวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันครอบรอบ 150 ปี จะมีพิธีวางพวงมาลาสักการะพระเจริญราชเดช (ท้าวกวด) ณ สวนสาธรณะหนองข่าเพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญ ความเสียสละเพื่อปกป้องบ้านเมืองให้สงบร่มเย็นเป็นสุข และเพื่อให้ประชาชน เยาวชนได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมืองมหาสารคาม ให้อนุชนรุ่นหลัง ได้แสดงออกถึงความสามัคคี ความเสียสละ และความหวงแหนในแผ่นดินเกิด โดยมี นายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานในพิธี ก่อนเป็นตัวแทนชาวมหาสารคามคล้องพวงมาลัยสักการะพระเจริญราชเดช (ท้าวกวด)
นอกจากนี้ยังมีขบวนแห่เครื่องสักการะเจ้าเมือง ซึ่งเป็นการจำลองขบวนแห่ของเจ้านายอีสานในสมัยที่มีการปกครองแบบอัญญา 4ก่อนรัชกาลที่ 5 จะปฏิรูปการปกครองเป็นระบอบเทศาภิบาล ซึ่งเมืองมหาสารคามสถาปนาขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4
อัญญา 4 ประกอบด้วย เจ้าเมือง อุปราช ราชวงศ์ ราชบุตรแห่เครื่องสักการะที่มีธงรูปหม้อน้ำปูรณฆฏ หมายถึงหม้อน้ำแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความมั่งมีศรีสุขของชาวเมืองมหาสารคาม ที่ได้นำเครื่องสักการะมาถวายบูชาแด่พระเจริญราชเดช นอกจากนี้ ยังมีขบวนนางฟ้อนตังหวาย ที่เป็นการฟ้อนถวายเทวดาฟ้าดิน ในความเชื่อของชาวอีสาน ขบวนมโหรีอีสาน อันประกอบด้วยฆ้อง เพื่อส่งสัญญาณให้เทวดาฟ้าดินมารับเครื่องสักการะ และรับรู้ถึงการแสดงออกถึงความรู้คุณ ส่วนเครื่องที่อัญญาเชิญมาแห่นั้น ประกอบด้วย ขันหมากเบ็งซึ่งเป็นเครื่องสักการะของชาวอีสาน หมากเบ็งหมายถึง สังขารร่างกายของผู้ถวายที่ยอมมอบกายถวายชีวิตต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนำมาถวายนั้น หมากพลูบุหรี่ เป็นเครื่องต้อนรับและเครื่องที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง รวมไปถึงข้าวตอก ดอกไม้ ผ้าแพร
นอกจากนี้ยังมีขบวนแห่ขันหมากเบ็งใหญ่ นั้นหมายถึงชาวเมืองมหาสารคามทุกคนน้อมถวายต่อพระเจริญราชเดช เป็นหมากเบ็งรวมที่แสดงถึงความรักและเคารพต่อบรรพชนชาวมหาสารคาม
จึงขอเชิญชวนชาวมหาสารคามและนักท่องเที่ยวเดินทางมาร่วมเฉลิมฉลอง การก่อตั้งเมืองมหาสารคามครบ 150 ปี ภายใต้ชื่องาน “150 ปี มหาสารคาม กินดี อยู่ดี มีสุข รู้รักสามัคคี อย่างยั่งยืน” กำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 21-23 สิงหาคม 2558 ที่จะถึงนี้
ยุทธนา โชติชูตระกูล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี