คนขับวินจยย.ชี้เบาะแส
แฉมือวางบึ้ม
ไม่ใช้“ภาษาไทย-อังกฤษ”
ตุ๊กตุ๊กแจงรับจากหัวลำโพง
สมยศระบุทั้งแก๊งเกิน10คน
ประสาน“ตำรวจสากล”ล่า
นักธุรกิจเพิ่มค่าหัวทะลุ4ล.
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัวคนร้ายก่อเหตุวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อวันที่17สิงหาคม ที่ผ่านมาว่า ยืนยันผู้ร่วมก่อเหตุ มีการทำเป็นขบวนการไม่ต่ำกว่า10 คน เชื่อมีการวางแผนสำรวจเส้นทางนานเป็นเดือนก่อนก่อเหตุ และมั่นใจว่ามีคนไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอย่างแน่นอน เพราะจากการสืบสวนเชื่อว่าผู้ก่อเหตุทราบเส้นทางที่ใช้หลบหนีเป็นอย่างดี
มั่นใจมือบึ้มยังอยู่ในไทย
แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าชายต้องสงสัยทั้ง 3 คน ที่ปรากฎในกล้องวงจรปิดเป็นคนไทยหรือต่างชาติ เพราะจากการสอบพยานแม้จะให้การยืนยันว่า หนึ่งในสามผู้ต้องสงสัยซึ่งใส่เสื้อสีเหลืองและศาลออกหมายจับแล้วไม่ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารกับคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ส่วนผู้ต้องสงสัย ซึ่งเป็นผู้ชายใส่เสื้อสีแดงและใส่เสื้อสีขาวในกล้องวงจรปิด ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวมาให้ข้อมูลจึงยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มใด ส่วนประเด็นการก่อเหตุ ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งการสร้างสถานการณ์ หรือการก่อการร้าย แต่ก็ยังมั่นใจว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุยังอยู่ในประเทศไทยและยอมรับว่าเป็นห่วงเรื่องถูกตัดตอนความผิด ทั้งนี้ ต้องการให้พยานที่อยู่ในจุดเกิดเหตุวันดังกล่าว เข้าให้ข้อมูลกับตำรวจ เพื่อเป็นเบาะแสในการติดตามผู้ก่อเหตุ ส่วนเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์จะเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่บริเวณท่าเรือสาทรหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า ระเบิดมีความคล้ายคลึงกัน ซึ่งต้องตรวจสอบการจุดชนวนอีกครั้ง
ปัดข่าวจับคนร้ายได้แล้ว
พล.ต.อ.สมยศ ยังได้ปฏิเสธกระแสข่าวการจับกุมผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ได้ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูล พร้อมเตือนไปยังผู้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จตามสังคมออนไลน์ อาจมีความผิดตามกฎหมาย ส่วนคดีนี้จำเป็นจะต้องยกระดับการใช้กฎหมายสืบสวนจากประมวลวิธีพิจารณาความอาญาเป็นการใช้ มาตรา44 หรือไม่นั้น ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี
ให้เพิ่มอีก1ล้านนำจับมือบึ้ม
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ได้เพิ่มรางวัลนำจับผู้ต้องหาก่อเหตุระเบิดดังกล่าว เป็นเงิน 2 ล้านบาท โดยได้รับการบริจาคเงินจากนักธุรกิจพันล้าน ที่ไม่ประสงค์ออกนาม อีกจำนวน 1 ล้านบาท ทำให้ยอดรางวัลนำจับขณะนี้อยู่ที่ 4 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้รับความอนุเคราะห์จากบริษัทเอกชน สนับสนุนเครื่องคัดกรองบุคคล ติดตั้งที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และสุวรรณภูมิ เพื่อเพิ่มมาตรการคุมเข้มการตรวจตราบุคคลออกนอกประเทศ
ขอดูกล้องรร.เอราวัณ
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(โฆษก สตช.) เปิดเผยภายหลังการเข้าตรวจกล้องวงจรปิดของ รร.แกรนไฮแอทเอราวัณเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิดบริเวณศาลพระพรหมว่า ได้มาดูกล้องวงจรปิดย้อนหลังก่อนเหตุ 1ชม. และได้ให้เจ้าหน้าที่ดาวน์โหลดและเก็บข้อมูลย้อนหลังทั้งหมด 1 เดือนเพื่อหาข้อมูลของผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ เพราะเชื่อว่ามีคนร้ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หลายคน ซึ่งคาดว่าภาพจากกล้องของ รร.เอราวัณจะมีความชัดเจนกว่ากล้องวงจรปิดด้านนอก ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จะพยายามใช้โปรแกรมปรับความละเอียดภาพ เพื่อให้สามารถเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ประสานตร.สากลช่วยสกัด
ส่วนกรณีชายที่สวมเสื้อสีแดงและชายสวมเสื้อสีขาว ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยว่าอาจร่วมมือในการก่อเหตุระเบิดกับชายเสื้อเหลืองที่ถูกออกหมายจับไปแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่จะดูภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อพิสูจน์ความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ยืนยันว่ายังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเข้ามาสอบสวนและยังไม่มั่นใจว่าคนร้ายเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วหรือไม่ แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังตำรวจสากลแล้วหากคนร้ายเดินทางออกนอกประเทศ นอกจากนี้ ได้มีการขอความร่วมกับบางประเทศเป็นพิเศษ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดของข้อมูล พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปูพรมลงสำรวจพื้นที่ต้องสงสัยตามแหล่งชุมชนต่างๆ
ส่งข้อมูลให้ตร.สากลแล้ว
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. ยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ไทยได้ยื่นคำร้องไปยังองค์การตำรวจสากล โดยได้มอบข้อมูลของรูปพรรณสัณฐานของผู้ต้องสงสัย พร้อมกับข้อมูลพฤติการณ์แวดล้อมไปด้วย ทั้งนี้ ทางตำรวจมั่นใจว่ามีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุอย่างน้อย 3 คน แต่อาจจะมีมากกว่านั้นได้
ลั่นเอาผิดโพสต์มั่ว-ก่อกวน
เมื่อเวลา 12.00น. ที่กองบัญชาการติดตามสถานการณ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีการแถลงข่าวเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทรท.) โดย พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า สถานการณ์ในภาพรวมอยู่ในความเรียบร้อย ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนและดูแลพื้นที่สำคัญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับเหตุการณ์ที่พบวัตถุต้องสงสัยบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส นานา นั้น เป็นเพียงการก่อกวนให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนก ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถติดตามผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้อย่างรวดเร็ว จึงขอความร่วมมือประชาชน หากพบเบาะแสหรือมีข้อมูลเพิ่มเติมของผู้ต้องสงสัยขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทันที และเจ้าหน้าที่จะเพิ่มระดับการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ในลักษณะที่ผิดกฎหมาย และผู้ที่ออกมาสร้างเหตุก่อกวนจนทำให้สังคมเกิดความสับสนหรือตื่นตระหนกอย่างจริงจัง
สั่งจับตากลุ่มโพสต์ซ้ำเติมชาติ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่ดูแลโซเซียลมีเดียตรวจสอบกลุ่มคนที่ออกมาซ้ำเติมประเทศ ซึ่งจะได้เห็นธาตุแท้ของคนกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นกลุ่มซ้ำๆ อาจจะเป็นคนส่วนน้อย ตนอยากจะวิงวอนให้กลับมารวมพลังกับประชาชนส่วนใหญ่สร้างความเข้มแข็งให้ประเทศ อย่าซ้ำเติมประเทศเพียงเพราะทัศนคติ หรือความคิดต่างทางการเมือง เมื่อสถานการณ์คลี่คลายสู่ภาวะปกติค่อยกลับมาพูดถึงความเห็นต่างทางการเมือง
สั่ง88สน.เอ็กซเรย์ทั่วกรุง
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) ได้เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวน 88 สน. จัดการความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ยุทธการ “ปิดเมือง ค้นรังโจร” เพื่อเอ็กซเรย์พื้นที่กรุงเทพฯ หลังเกิดเหตุระเบิดที่บริเวณแยกราชประสงค์ เพื่อวางแนวทางป้องกันเหตุในพื้นที่ โดยจะมีการตั้งด่านความมั่นคง เฝ้าระวังป้องกันพื้นที่ทุกตารางนิ้ว โดยเฉพาะบริเวณที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอาศัยอยู่ เช่น อพาร์ทเม้น โรงแรมต่างๆ เพื่อหาข้อมูลบุคคลตามหมายจับ ซึ่งกำหนดระยะเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 21-23 สิงหาคม และปิดล้อมตรวจค้นแหล่งเป้าหมาย โดยกำหนดให้ทุกกองบังคับการประชุมวางแผนแนวทางในวันที่ 21 สิงหาคม เวลา 09.00 น. และรายงานผลกลับมายัง บช.น. ต่อไป
จยย.รับจ้างเล่านาทีรับมือบึ้ม
เมื่อเวลา 14.00 น. นายเกษม (นามสมมุติ) อายุ 47 ปี อาชีพขับจักรยานยนต์รับจ้าง ประจำซอยมหาดเล็กหลวง1 ซึ่งเป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ไปส่งชายชาวต่างชาติต้องสงสัยจากเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ให้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ก่อนเกิดเหตุตนอยู่ประจำจุดให้บริการลูกค้ากับกลุ่มเพื่อนร่วมอาชีพประมาณ 3 คน จู่ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวโดยช่วงแรกคาดว่าเป็นหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิดจึงไม่ได้สนใจ จากนั้นประมาณ 3-5 นาที ก็มีชายชาวต่างชาติเดินมาหาตน พร้อมทั้งยื่นกระดาษเขียนแผนที่เป็นภาษาอังกฤษระบุว่า ‘Lumpini park’ (ลุมพินีพาร์ค) จากนั้นจึงตกลงค่าโดยสารในราคา 30 บาท ก่อนไปส่งโดยใช้เส้นทางราชดำริ ฝั่งขาเข้า ซึ่งจากจุดที่รับจนถึงจุดหมายปลายทางรวมระยะทางกว่า 1.2 กม. ใช้เวลาเพียง 3 นาที
ย้ำชายต่างชาติไม่พูดอังกฤษ
นายเกษม เล่าว่า ขณะขี่รถไปส่ง ผู้ต้องสงสัยได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคุยอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเป็นผู้รับหรือโทรออก และภาษาที่สื่อสารกันนั้นยืนยันว่าไม่ใช่ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน โดยขณะที่รถข้ามแยกราชดำริมุ่งหน้าศาลาแดง ก็ได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์อีกครั้ง จนกระทั่งถึงที่หมายตนจึงจอดรถบริเวณริมฟุตปาธด้านหน้าทางเข้าที่จอดรถของลุมพินีพาร์ค เพื่อให้ลง จากนั้นผู้โดยสารได้หยิบธนบัตรใบละ 20 บาท 2 ใบ ส่งมาให้ซึ่งระหว่างกำลังหยิบเงินทอนตนจดจำรูปพรรณสัณฐานได้เพียงแค่คางมีลักษณะเรียวยาว จมูกโด่ง ผิวขาว และส่วนสูงไม่เกิน 170 ซม. จากนั้น ตนจึงขี่รถกลับจุดทันทีโดยไม่ทันสังเกตเห็นว่า ชายชาวต่างชาติรายดังกล่าวเดินเข้าไปในตัวอาคาร หรือเรียกรถคันอื่นเพื่อเดินทางต่อไป
ตุ๊กตุ๊กเข้าให้ข้อมูลแล้ว
เย็นวันเดียวกัน ตำรวจ สน.ปทุมวัน นำตัว นายสุชาติ ปั้นงาม อายุ 37 ปี คนขับรถสามล้อเครื่องที่เป็นผู้ขับรถไปส่งมือวางระเบิดราชประสงค์ พร้อมเพื่อนร่วมอาชีพอีก 1 ราย มาให้ข้อมูลที่ห้องสอบสวนความมั่นคง บช.น.โดยมี พล.ต.ท.ศรีวราห์ เป็นผู้สอบสวนด้วยตนเอง โดยในเบื้องต้น นายสุชาติให้การว่า ในวันเกิดเหตุได้รอรับส่งผู้โดยสารที่บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง มีชายชาวต่างชาติสวมเสื้อเหลืองตรงกับภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ เดินเข้ามาเจรจาให้ไปส่ง แต่เนื่องด้วยตนไม่สามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศได้ จึงให้เพื่อนร่วมอาชีพช่วยเจรจาให้ จับใจความได้ว่า ต้องการให้ไปส่งที่ รร.เอราวัณ จึงได้เรียกค่าโดยสาร 150 บาท แต่เนื่องจากรถติดจึงได้ขอเพิ่มเป็น 200 บาท ซึ่งชายชาวต่างชาติก็ตกลง ทั้งนี้ ชายชาวต่างชาติรายนี้สื่อสารด้วยภาษาอังกฤษแต่ไม่ชัดเจน เมื่อไปส่งเสร็จ ตนก็ขับรถออกจากบริเวณนั้น โดยไม่ทราบว่าชายคนนี้ไปไหนต่อ
ยืนยันหน้าเหมือนภาพสเก็ตช์
จากนั้น ตำรวจได้นำภาพสเก็ตช์ที่ได้จากการสอบปากคำผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ได้รับการว่าจ้างจากผู้ต้องสงสัยให้ไปส่งที่สวนลุมพินีหลังเกิดเหตุ มาให้ผู้ขับขี่รถสามล้อเครื่องทั้งสองคนดู ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่ามีความคล้ายกับชายชาวต่างชาติที่ว่าจ้างในวันเกิดเหตุมาก
เชื่อ2ชายในคลิปไม่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีวางระเบิดแยกราชประสงค์ ได้ใช้ความพยายามในการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบแยกราชประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างละเอียดซ้ำอีกครั้ง หลังจากมีการตั้งข้อสังเกตุว่า ชายเสื้อแดงและเสื้อขาวอยู่ใกล้กับชายเสื้อเหลืองผู้ต้องสงสัยซึ่งมีการออกหมายจับไปแล้ว มีส่วนรู้เห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุชายทั้งเสื้อแดงและเสื้อขาวเข้ามาในบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ไปนั่งที่ม้านั่งตัวเกิดเหตุก่อนที่จะลุกออกมาระยะหนึ่ง ก่อนที่ชายเสื้อเหลืองจะไปนั่งที่ม้านั่งแทน โดยไม่มีท่าทีที่ส่อให้เห็นว่ารู้จักกัน จากนั้น ชายเสื้อแดงและเสื้อขาวเดินออกมาจากบริเวณศาลท้าวมหาพรหมมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าเกษรพลาซ่า ไปทางห้างบิ๊กซีราชดำริ และเมื่อมีเสียงระเบิด พบว่าทั้งสองคนมีท่าทีตกใจ แสดงท่าทีวิ่งหนีเอาตัวรอด ตำรวจจึงค่อนข้างมั่นใจว่าทั้งสองคนไม่น่าจะมีส่วนรู้เห็น
ติดต่อพบตร.แล้ว-ยันไม่รู้เห็น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะนี้ ทางชุดสืบสวนสอบสวนได้รับการประสานจากชายสวมเสื้อสีแดง และสวมเสื้อสีขาวว่า ขอเข้าพบที่เจ้าหน้าที่ ที่กองบังคับการศูนย์สืบสวน บช.น. โดยยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
ตร.จำลองเหตุปาระเบิดสาทร
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุคนร้ายโยนระเบิดใส่บริเวณท่าเรือสาทรว่า วันเดียวกันนี้ ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ยานนาวา ได้ทำการทดสอบโยนก้อนอิฐที่มีขนาดและน้ำหนักใกล้เคียงกับระเบิดไปป์บอม หนัก 2 กก. จากบนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทั้งขาเข้าและขาออก ช่วงเสาไฟฟ้าต้นที่19 และ20 พร้อมจับเวลาตั้งวัตถุลอยออกจากมือจนกระทบผิวน้ำ และจากการทดสอบพบว่า บริเวณเสาไฟฟ้าต้นที่19 บนสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ฝั่งขาเข้า ใกล้เคียงกับจุดที่ระเบิดถูกโยนลงมามากที่สุด ส่วนกล้องวงจรปิดบนสะพานที่ติดไว้ ยังไม่พบผู้ต้องสงสัยหรือบุคคลที่มีพิรุธ ทั้งนี้ จะนำข้อมูลที่ได้เสนอต่อผู้บังคับบัญชาต่อไป
ระทึกTNTปลอมป่วนสัตหีบ
ช่วงเช้าวันเดียวกัน พ.ต.อ.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล ผกก.สภ.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีรับแจ้งพบกล่องกระดาษภายในคล้ายซุกซ่อนวัตถุระเบิด นำมาทิ้งไว้โคนเสาไฟฟ้า ในซอยข้างแพลนท์ปูน ถนนสาย 332 ม.10 ต.บางเสร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ไร่มันสำปะหลัง จึงเข้าตรวจสอบ โดย ร.ต.ต.ธนเมศฐ์ โพธิพันธ์ รอง สวป.สภ.สัตหีบ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน ที่ชำนาญและมีความรู้ด้านเก็บกู้ระเบิด เข้าตรวจสอบพบเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาล ปิดผลึกด้วยสก๊อตเทปแน่นหนา ที่ฝากล่องเจาะรู มีท่อพีวีซี สีเหลือง 5 ท่อ ต่อสายไฟออกจากปลายท่อ คล้ายระเบิดTNT โยงเข้าไปในพงหญ้า เมื่อเปิดปากกล่องพบเป็นระเบิดปลอม เจ้าหน้าที่สันนิษฐานเป็นการสร้างสถานการณ์ป่วนเมือง จากฝีมือวัยรุ่นคึกคะนองนำมาวางไว้ช่วงกลางดึก
บิ๊กตู่วอนอย่าเรียกก่อการร้าย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุวางระเบิดว่า กำลังดำเนินการอยู่ และไม่อยากให้เรียกว่า ผู้ก่อการร้าย เพราะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เรายังไม่เรียกผู้ก่อการร้ายเลย จะไปเรียกแขกหรืออย่างไร ต้องดูอีกทีว่าเป็นพวกไหน เป็นพวกการเมืองหรือไม่ ซึ่งตนก็ไม่ทราบ ต้องรอก่อนแล้วจะมีความคืบหน้า หากพูดกันมากเกินไปจะจับใครไม่ได้สักที ส่วนการที่สื่อต่างชาติมุ่งประเด็นไปที่ปัญหาอุยกูร์ ซึ่งไทยส่งไปให้ทางการจีนนั้น ตนเห็นว่ายังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่ว่าหน้าผู้ต้องสงสัยจะเหมือนฝรั่งแล้วจะเป็นอุยกูร์ แต่อาจจะเป็นฝรั่งที่ร่วมมือกับคนไทยก็ได้ ทำไมไม่คิดแบบนั้นบ้าง ถามว่าถ้าเป็นเรื่องอุยกูร์การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอย่างที่เราทำ รัฐบาลอื่นเขาก็ทำกันทั้งโลก เพราะหลายประเทศเขาก็ไม่รับผู้อพยพที่เราทำถือว่าดีที่สุดแล้ว บางประเทศก็ไม่เห็นมีเรื่อง
ชี้ยิ่งพูดมากคนร้ายยิ่งหนี
“เราต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่ใช่มันจะไม่เกิด ซึ่งจะเกิดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรื่องการเมืองก็ไม่ได้ตัดทิ้ง คิดได้หลายอย่าง ไอ้นี่ก็เป็นฝรั่ง ระเบิดก็อีกแบบบ้าง เหมือนใต้เหมือนอะไรบ้าง ถ้าทางด้านการเมืองก็มีเว็บไซต์อะไรออกมาต่อๆ กัน มีการบอกว่าจะปิดโรงเรียน สถาบันการเงิน ใครทำ พวกที่สื่อเอ่ยชื่อมามันทำหรือเปล่า ตอนนี้กำลังสอบอยู่ เขาคิดทุกอย่าง แต่ยิ่งพูดมากคนร้ายก็จะยิ่งหนีไปไกลอีก เงียบๆ เสียบ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี