เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 24 ก.ย. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานฉลองครบรอบ 40 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายหนิง ฟู่ขุย เอกอัคราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เข้าร่วม โดยก่อนเริ่มพิธีเปิดงานได้มีการตีปิงปองระหว่าง นายพรเพชรกับนายหนิง ฟุ่ขุย เพื่อเป็นการสัญลักษณ์ในการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการจัดนิทรรศการความสัมพันธ์ ซึ่งได้มีการชงชา แสดงดนตรีประจำชาติของไทยและจีน
นายพรเพชร กล่าวเปิดงานว่า ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. พ.ศ.2518 โดยตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมาทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีกันตลอด และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนกันอย่างสม่ำเสมอทั้งในระดับพระราชวงศ์ รัฐบาล และฝ่ายนิติบัญญัติ โดยความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจจีนเป็นคู่ค้าตลาดส่งออกและเป็นแหล่งนำเข้าอันดับหนึ่งของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 13 ของจีน ซึ่งเป็นผลของความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน รวมทั้งการเปิดใช้เส้นทางคมนาคมเชื่อมจีน-ลาว-ไทย และไทย-ลาว-เวียดนาม ขณะที่ด้านวัฒนธรรมมีการแลกเปลี่ยนกันมาอย่างยาวนาน อีกทั้งประเทศไทยยังมีชาวจีนโพ้นทะเลอาศัยอยู่มากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งการฉลองครบรอบ 40 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตนี้จะสามารถนำความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์และนำมาซึ่งความสัมพันธ์ที่ยังยืนระหว่างไทยและจีนสืบต่อไป
ด้านนายหนิง กล่าวว่า การที่ตนและนายพรเพชรได้เล่นปิงปองอย่างคึกคักและสนุกสนานทำให้ตนนึกถึงเมื่อปี ค.ศ 1972 การแข่งขันปิงปองเอเชียครั้งแรกได้จัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง ประเทศไทยได้ส่งทีมเข้าไปร่วมเป็นการเพิ่มพูนความะข้าใจระหว่างประชาชนจีน ประชาชนไทย ทำให้ทั้งสองประเทศเพิ่มความใกล้ชิดมากขึ้นเรื่อยๆ ความไว้เนื้อเชื่อใจได้เพิ่มพูนอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันที่ 1 ก.ค. ค.ศ.1975 นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล และนายกรัฐมนตรีหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ได้ร่วมกันลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของความสัมพันธ์จีน-ไทย เราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและญาติที่ดีตั้งแต่โบราณกาล และตลอดระยะเวลา 40 ปี ตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการเมืองไม่ว่าสถานการณ์โลกจะผันผวนแปรปรวนอย่างไรทั้งสองฝ่ายได้ยืนหยัดมีความจริงใจต่อกัน เอื้ออำนวยประโยชน์แก่กัน ได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือฉันมิตรในทุกๆ ปริมณฑล ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้พัฒนาทไปอย่างมั่นคง และครอบคลุมทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ได้กลายเป็นแบบอย่างสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรและความร่วมมือที่เกื้อกูลต่อกัน
นายหนิง กล่าวต่อไปว่า ทางด้านการเมืองทั้งสองประเทศเคารพซึ่งกันและกันมีความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน เราได้สร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ผู้นำทั้งสองประเทศมีการไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งเสมือนเยี่ยมญาติกัน เราให้ความเข้าใจและสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อันสำคัญของแต่ละฝ่าย ช่วยเหลือเกื้อกูลและร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเมื่อเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทาย สำหรับทางด้านเศรษฐกิจเราได้เอื้ออำนวยประโยชน์และพัฒนาก้าวหน้าด้วยกัน ปัจจุบันจีนและไทยกำลังมุ่งมั่นในการผลักดันความร่วมมือทางรถไฟ ซึ่งได้บรรลุความเห็นพ้องต้องกันหลายประการ ส่วนทางด้านสังคมและวัฒนธรรมมีการแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน การเรียนภาษาจีนกำลังได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางในสังคมไทย ซึ่งตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.ค.นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาไทยจำนวนสูงถึง 4,7800,000 คน
“การชมนิทรรศกาลภาพถ่ายสะท้อนให้เห็นประวัติการพัฒนาของความสัมพันธ์จีน-ไทย ผมได้ตระหนักว่าความสัมพันธ์ของเราได้พัฒนามาอย่างทีละก้าวจนถึงทุกวันนี้เป็นพระคุณที่พระบรมวงศานุวงศ์ไทยทรงเอาพระทัยใส่ เป็นผลที่รัฐบาลทั้งสองประเทศได้ร่วมกันผลักดัน ปัจจุบันความสัมพันธ์จีน-ไทยกำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นใหม่แห่งประวัติศาสตร์ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ได้เสนอให้ร่วมกันสร้างประชาคมเอเชียที่มีชะตากรรมร่วมกันจีนและไทยควรเดินตามกระแสของยุคสมัยร่วมกันอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ผลักดันความร่วมมือทางรถไฟและโครงการสำคัญอื่นๆที่เป็นประโยชน์ของประชาชนและประเทศอย่างจริงและแข็งขัน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านสมาชิกสนช.ทั้งหลายจะสนับสนุนความสัมพันธ์ฉันมิตรจีน-ไทยต่อไปอย่างที่เคยปฏิบัติมา กดไลค์และสนับสนุน และลงคะแนนสนับสนุนจีน-ไทยมากยิ่งขึ้น” นายหนิง กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี