'พระมหาอภิชาติ'ติงผู้สร้าง'อาบัติ' 'จรรโลงศาสนา'หรือ'จัญอะไร?'
วันพฤหัสบดี ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2558, 13.59 น.
Tag :
24 ก.ย. 58 พระมหาอภิชาติ ปุณฺณจนฺโท หัวหน้าพระวิทยากรประจำพระอารามหลวง พระวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "Aphichat Promjan" วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง "อาบัติ" ของค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่มีเนื้อหาเสียดสีพระพุทธศาสนาและมีกำหนดฉายในวันที่ 15 ตุลาคม นี้ โดยตำหนิไปยังผู้กำกับภาพยนตร์ ที่นำพฤติกรรมไม่เหมาะสมของพระเณรบางรูปมาใช้เป็นจุดขาย โดยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองอย่างที่ผู้สร้างคิด แต่กลับเป็นทำลายศรัทธาในพระพุทธศาสนามากกว่า ข้อความว่า
"แสดงความคิดเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง "อาบัติ" ของค่ายสหมงคลฟิล์ม ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม เนื่องจากมีเนื้อหาเสียดสีพระพุทธศาสนา
ทุกท่านเคยสงสัยไหม เมื่อจะถึงวันสำคัญทางศาสนาของชาวพุทธทีไรมักจะมีหนังแนวเสียดสีพระภิกษุสามเณรออกมาฉายตลอด
อาตมาสังเกตมาหลายปีแล้ว เมื่อใกล้ถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก็จะมีหนังที่จะทำร้ายจิตใจชาวพุทธออกมาฉายทุกที ยกตัวอย่างเช่น องคุลีมาร นาคปรก เป็นต้น บางเรื่องนักแสดงเด่นๆในเรื่องก็จะเป็นคนศาสนาอื่นมาแสดงด้วย เราชาวพุทธก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าผู้กำกับหนังเหล่านั้นคิดอะไรอยู่ บางที่เราก็อดคิดไม่ได้ว่า สงสัยผู้กำกับหนังมันคงรับทุนสนับสนุนจากศาสนาอื่นให้ทำหนังเพื่อทำลายศรัทธาของพระพุทธศาสนาในเมืองไทยหรือเปล่านะ อันนี้แค่สงสัยนะ จริงไม่จริงก็ไม่อาจทราบได้
ล่าสุดตอนนี้ใกล้จะถึงประเพณีออกพรรษาแล้ว ก็มีหนังออกมาฉายอีกหนึ่งเรื่อง เป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องเสียดสีการประพฤติผิดพระธรรมวินัยของพระภิกษุสามเณรในพระพุทธศาสนา ผู้สร้างหนังเรื่องนี้อาจจะคิดว่ามันเป็นหนังเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง แต่พระเณรทั้งประเทศกลับสงสัยว่ามันเป็นหนังจรรโลงหรือจัญอะไรพระศาสนากันแน่ การทำผิดพระวินัยของพระเณรนั้นถ้าเอาพระวินัยของพระพุทธเจ้าไปจัดการกับความผิดของพระเณรรูปนั้นๆ แล้ว ก็เป็นอันจัดการกับปัญหานั้นได้อย่างสบาย เพราะถ้ากระทำผิดหนักก็ต้องให้ลาสิกขาออกไป ถ้าผิดลองลงมาก็มีการลงโทษเบาลงมา แต่หากความผิดที่เบาทางพระวินัยนั้นไปตรงกับความผิดหนักทางโลกด้วย ก็ต้องให้ลาสิกขาออกไปรับโทษทางโลกด้วยเช่นกัน ทั้งหมดทั้งมวลก็มีอยู่แค่นี้แหละ พระเณรเขาก็ปฏิบัติลงโทษผู้กระทำผิดกันมาตั้ง ๒,๖๐๐ ปีแล้ว ก็ไม่เห็นจะมีความขัดข้องอะไรในพระวินัย อีกอย่างพระเณรเหล่านั้นก็ใช่ใครที่ไหน มีแต่ลูกหลานของชาวบ้านทั้งนั้นที่เข้ามาอาศัยพระศาสนาแล้วอดทนต่อคำสั่งสอนไม่ได้ ก็เลยฝ่าฝืนข้อบัญญัติต่างๆ
ณ เวลานี้สังคมพระพุทธศาสนากำลังสงสัยจุดประสงค์หลักของหนังเรื่อง "อาบัติ" อยู่ เพราะหนังเรื่องนี้มีพระเอกตัวแสดงนำเป็นคนนับถือศาสนาคริสต์ แต่แสดงเป็นสามเณรในศาสนาพุทธ เนื้อเรื่องหลักสามเณรรูปนี้ได้กระทำผิดศีลธรรมที่ละเมิดศีลข้อ ๓ อะไรประมาณนี้ พูดง่ายๆก็คือหนังเรื่องนี้เอาความผิดของพระเณรบางรูปบางคนมาตีความประจานออกสื่อเพื่อให้สังคมดูถูกเหยียดหยามนั่นแหละ ซึ่งมันจะไปส่งผลทางจิตวิทยาให้กับผู้ชมว่าพระเณรนั้นปฏิบัติตัวไม่ดีประพฤตินอกรีตนอกรอย อีกอย่างสังคมไทยชอบใช้ตรรกะเหมาเข่งอยู่ด้วยก็เข้าทางเลย ซึ่งเนื้อเรื่องของหนังมันอาจทำให้ศรัทธาของผู้ชมที่มีต่อพระพุทธศาสนาตกไปได้
อาตมาจึงตั้งข้อสังเกตว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญ เป็นหนังแนวผีๆ หนังแนวเปรตๆ เป็นหนังออกแนวสาวไส้ให้กากิน แล้วมันจะเป็นไปตามที่ผู้สร้างคิดว่าเป็นหนังที่จะช่วยจรรโลงพระศาสนาให้ดีขึ้นได้ยังไง หนังที่ช่วยจรรโลงพระศาสนาได้อย่างแท้จริงต้องเป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องแนวเรื่อง "พระพุทธเจ้า" ของช่องเวิร์คพอยท์โน่น ถึงจะมีเนื้อเรื่องเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎกเกือบ ๑๐๐% ก็เถอะ แต่ถ้าคนดูไม่คิดมากดูด้วยความศรัทธา ก็จะส่งเสริมและจะช่วยให้ประชาชนหันมาสนใจในหลักธรรมของพระพุทธศาสนาได้มาก หนังแนวนี้แหละจะเป็นหนังที่ช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่หนังแนวผีๆ แนวเปรตๆ อย่างเรื่อง "อาบัติ" นี้ เพราะหนังแบบนี้ยิ่งดูยิ่งจิตตก ไม่ได้ช่วยจรรโลงอะไรเลยมีแต่เรื่องจัญอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
อาตมาก็นั่งคิดอยู่ว่า "อาบัติ" หนังผีๆ หนังเปรตๆ มันจะช่วยจรรโลงพระศาสนาได้อย่าง อีกอย่างในหัวของผู้กำกับหนังไทยเวลาทำหนังเกี่ยวกับพระเณรทีไร ทำไมชอบทำหนังแนวผีๆ แนวเปรตๆ ทุกที เรื่องที่พระเณรทำความดีทำไมไม่ทำออกมาบ้าง"
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (23 ก.ย.) นายเสถียร วิพรมหา นายกสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา (สนพ.) พร้อมภาคี 5 องค์กร ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อขอให้ทบทวนการฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว โดยมีข้อเรียกร้องโดยสรุปว่า เนื้อหาของภาพยนตร์มีลักษณะหมิ่นศาสนา ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าใดๆ ต่อสังคม มีเจตนาทำลายศรัทธาประชาชนที่มีต่อศาสนา และการกระทำที่ล่วงเกินพุทธศาสนา โดยวันนี้ (24 ก.ย.) ทางสมาคมฯ และภาคี จะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) เช่นเดียวกัน