กรมพละฉาว
สร้างสนามกีฬา2.9หมื่นล.
ศอตช.บุกสอบรร.สิงห์บุรี
ผิดสัญญา-ไม่ได้มาตรฐาน
คาดทั่วปท.100แห่งมีปัญหา
เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ท.กรทิพย์ดาโรจน์ รองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พร้อมด้วยตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ปปช.)สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)ได้ร่วมกันลงพื้นที่ ที่โรงเรียนพรหมบุรี อำเภอพรมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อตรวจโครงการก่อสร้างสนามกีฬาระดับอำเภอและตำบล ดำเนินการโดยกรมพละศึกษาของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในวงเงินงบประมาณรวม 29,928 ล้านบาท
สอบงบฯสร้างสนามกีฬา2.9หมื่นล.
โดย พ.ท.กรทิพย์กล่าวว่าจากการร่วมกันบูรณาการตรวจสอบและสืบค้นข้อมูล พบว่าจากการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอการก่อสร้างสนามกีฬาระดับอำเภอและระดับตำบล พ.ศ.2555-2559ประกอบด้วย แผนการก่อสร้างสนามกีฬาระดับอำเภอ รวม 690 อำเภอ(แห่ง)และสนาม กีฬาระดับตำบล 1,114 ตำบล (แห่ง)รวม งบประมาณ 29,928 ล้านบาท ซึ่งได้รับการอนุมัติหลักการตามมติคณะรัฐมสตรี(ครม.)เมื่อปี2553 ให้ดำเนินการจัดทำแผนก่อสร้างและแผนการใช้เงินตามลำดับความสำคัญและจำเป็นนั้น
เมื่อตรวจสอบสัญญาตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสในส่วนของสัญญาก่อสร้างเลขที่ ก.13/2555 สัญญาจ้างก่อสร้างสนามกีฬา อำเภอ จำนวน12 อำเภอ ระหว่างกรมพลศึกษา เป็นผู้ว่าจ้างซึ่งกำหนดวันก่อสร้างวันที่ 21 กันยายน 2555 และก่อสร้างเสร็จภายในวันที่ 15 กันยายน 2556 ในวงเงิน 288ล้านบาท พบว่ามีการดำเนินการใน 11 จังหวัด 12 อำเภอ ได้แก่ อ.พรหมบุรีและอ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี,อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา,อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ,อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี, อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี,อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ,อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ,อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ,อ.เมือง จ.เพชรบุรี,อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ,อ.ควนโดน จ.สตูล
พิรุธอื้อไร้มาตรฐานใช้งานไม่ได้
สำหรับการก่อสร้างมีจำนวนอาคาร รวมทั้งหมด 24 หลัง ซึ่งแต่ละแห่งประกอบด้วยอาคารโรงยิมอเนกประสงค์, อาคารอัฒจรรย์ โดยใช้การดำเนินการจัดจ้างวิธีพิเศษนั้น มีข้อสังเกตว่าได้มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณการก่อสร้างไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่การก่อสร้างพบความผิดปกติ โดยในส่วนสนามฟุตบอล ลู่วิ่ง อาคารโรงยิมอเนกประสงค์ และอาคารอัฒจรรย์นั้น การก่อสร้างไม่เป็นตามแบบแปลนในตามสัญญาที่กำหนดไว้และไม่ได้มาตรฐานโดยอาคารโรงยิมอเนกประสงค์ กับอาคารอัฒจรรย์นั้น พื้นคอนกรีต และผนังอาคารแตกร้าวเป็นแนวยาว สีผนังหลุดร่อน พื้นผิวอาคารทรุดตัว ไม่สามารถใช้งานได้ อีกทั้’สนามฟุตบอล และลู่วิ่งมีสภาพเป็นแอ่งน้ำขังเพราะท่อระบายน้ำรอบสนามไม่สามารถระบายน้ำได้เมื่อฝนตกและเป็นหลุมเป็นบ่อ
ผิดสัญญา-งานไม่เสร็จแต่จ่ายครบ
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวอีกว่า จากการที่ ศอตช.ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างของจังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดอยุธยา ทราบว่าได้มีการจ่ายเงินค่างวดงานให้กับบริษัทก่อสร้างครบถ้วนแล้ว ทั้งๆที่ทำผิดสัญญา ก่อสร้างไม่เสร็จตามกำหนดระยะเวลาภายใน 360วัน แต่ปรากฏได้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก 2 ครั้งรวม 400วัน โดยที่ไม่ได้มีการเรียกจ่ายค่าปรับการก่อสร้างล่าช้าไม่เป็นไปตามสัญญา นอกจากนี้ ยังพบว่าการก่อสร้างของเขต 4 จ.สกลนคร และจ.นครพนม ก็มีการขยายระยะเวลาเพิ่มออกไป400 วัน เช่นเดียวกัน และได้มีการจ่ายเงินค่างวดงานให้ไปบางส่วนแล้ว
คาดอีก100แห่งมีปัญหาจ่อบุกทั่วปท.
รองเลขาธิการ ปปท.ยังกล่าวอีกว่ากรณีดังกล่าว สงสัยว่าทำไม ถึงไม่มีการยกเลิกสัญญาหรือ เพิกถอนก่อสร้างทั้งที่ระยะเวลาการก่อสร้างล่าช้า จนทำให้ค่าปรับท่วมค่าก่อสร้าง รวมทั้งช่างควบคุมงานจากกรมพลศึกษา 1 คน ส่งมาควบคุมงาน12โครงการ น่าสังเกตว่าผู้ควบคุมงาน ไม่มีการควบคุมงานให้เป็นไปตามมาตรฐานหลักวิชาช่าง และตามระเบียบพัสดุที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ควบคุมงาน ทำให้ราชการได้รับความเสียหายเนื่องจากสนามกีฬาใช้งานไม่ได้
“ที่สำคัญโครงการนี้ที่มีการก่อสร้าง อีก100 แห่ง คาดว่าน่าจะมีการทุจริตในลักษณะเดียวกันซึ่ง ศอตช.ประกอบด้วย ปปท.ปปช.ปปง.สตง.และดีเอสไอจะร่วมกันบรูณาการตรวจสอบการดำเนินโครงการดังกล่าวทั่วประเทศ เพื่อดำเนินการหาตัวคนผิดมารับโทษตามกฏหมายต่อไป”
เตรียมสอบหาคนรับผิดชอบ
รองเลขาธิการปปท. ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่าในการก่อสร้างโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างโปร่งใส หรือมีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งทางศอตช.ได้มีหนังสือไปยังกรมพลศึกษา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อขอเอกสารเกี่ยวข้องตรวจสอบลงลึกเกี่ยวกับรายละเอียด ประวัติ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างงาน การรายงานการตรวจรับงาน และการจ่ายเงิน ตลอดจนขั้นตอนที่ได้มา ซึ่งผู้รับจ้างโครงการว่าเป็นไปตามถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่ เพื่อจะได้หาคนผิดมาลงโทษ โดยกำหนดว่าทางกรมพลศึกษาจะต้องส่งเอกสารตามที่ร้องขอไปกลับมาให้ภายใน 15 วันนับแต่ได้รับหนังสือจาก ศอตช.
อบต.บุกปปช.จี้สอบมิลค์บอร์ด
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายนพดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย(อปท.)พร้อมตัวแทน เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึงประธานป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม(มิลค์บอร์ด) เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมมาตรฐานและกำกับดูแลคุณภาพนมโรงเรียนหรือไม่
ยันท้องถิ่นไม่มีอำนาจตัดสินใจ
ทั้งนี้นายนพดล กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทำให้เกิดภาพลบต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นว่ามีการจัดซื้อและจัดส่งนมโรงเรียนไม่ได้คุณภาพทั้งที่อปท.ไม่มีอำนาจตัดสินใจ จัดซื้อ และจัดส่งนมโรงเรียน แต่มิลค์บอร์ดเป็นผู้กำหนดและจัดทำบัญชีรายชื่อบริษัทเอกชนที่มีคุณสมบัติจำหน่ายนมโรงเรียนและยังจัดแบ่งโควต้าให้บริษัทเอกชนตามภูมิภาคต่างๆซึ่งกระบวนการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษขาดความเป็นอิสระในการบริหารงานไม่มีสิทธิเลือกหรือตัดสินใจคุณสมบัติในการจัดซื้อจัดจ้าง
อัดไม่มีการลงโทษบ.นมบูด
“เมื่อเกิดปัญหา บางบริษัทที่ได้โควต้าจากมิลค์บอร์ดจัดส่งนมโรงเรียนไม่ได้คุณภาพโดย อปท.ก็ยกเลิกสัญญาบริษัทๆไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ของมิลค์บอร์ด แต่มิลค์บอร์ดกลับเพิกเฉยต่อมาตรการควบคุมกำกับดูแลการบริหารจัดการคุณภาพนมโรงเรียน โดยไม่มีการตัดสิทธิเอกชนรายนั้นๆจำหน่ายนมโรงเรียน จึงขอให้ป.ป.ช.ตรวจสอบว่ามิลค์บอร์ดมีการล็อกสเปกหรือไม่ และเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมมาตรฐานและกำกับดูแลคุณภาพนมโรงเรียนหรือไม่”นายนพดลกล่าว
มิลค์บอร์ดเต้น!แจงปัดล็อคสเปก
ด้าน นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)ในฐานะเลขานุการ มิลค์บอร์ด กล่าวถึงกรณีที่นายกสมาคม อปท.ไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำงานของมิลค์บอร์ด กรณีไม่ลงโทษบริษัทผลิตนมบูดทันทีพร้อมกล่าวหามีรล็อกสเปกผู้ประกอบการนมโรงเรียนว่าเรื่องนี้นายวิมล จันทรโรทัย รองปลัดกระทรวงเกษตรฯในฐานะประธานมิลค์บอร์ด รู้สึกไม่สบายใจ ขอให้ชี้แจงว่าการที่มิลค์บอร์ดจะดำเนินการ ต้องมีหลักฐานชัดเจน จาก อย.และได้ลงโทษไปแล้ว วันที่ 23 กันยายน ไม่ให้เข้าโครงการนมโรงเรียนตามกฏหมาย อย.พร้อม ทั้งให้ดำเนินคดีอาญา มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท อาจไม่ทันใจ อบต.ขอให้เห็นใจ เพราะ อย.กว่าจะเพิกถอนโรงงานผลิต ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องล็อกสเปกนั้น ขอยืนยันว่าการจัดซื้อนมโรงเรียนใช้วิธีพิเศษ ที่ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ทุกครั้งและมอบให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจของกรมบบัญชีกลาง เป็นคนพิจารณา ไม่ใช่ระบบผูกขาด”
โวพัฒนาระบบนมรร.ดีกว่าอดีต
เลขานุการมิลค์บอร์ด กล่าวอีกว่า โดยมิลค์บอร์ดได้เข้ามาแก้ไขปัญหา ทำให้นมโรงเรียน มีคุณภาพมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ การจัดสรรผู้ประกอบการ เป็นการกำหนดพื้นที่ให้เกษตรกรไปขายน้ำนมได้สะดวก ตอนนี้ปัญหาคือทำอย่างไรให้ได้ผู้ประกอบการที่ดีทั้งหมด ครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ต้องกำหนดคุณสมบัติเข้มขึ้น มีมติเพิ่มเรื่องการตรวจนมจากที่อย.เคยตรวจเทอมละครั้ง ตอนนี้กรมปศุสัตว์ตรวจเพิ่มอีกเดือนละครั้งช่วยลดความเสี่ยง ให้ผู้ประกอบการ ทุกรายผลิตนมดีขึ้น เราเลือกมาถูกต้องหมด ตอนไปขายปล่อยไม่ได้ต้องตรวจมากขึ้น
ขวางสุดตัวไม่ให้อบต.จัดซื้อเสรี
นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า หากให้ท้องถิ่นจัดซื้ออย่างเสรี แข่งกันประมูลเหมือนในอดีต จะไม่มีผู้ประกอบการไปซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร จะเกิดปัญหาเทนมทิ้งเหมือนปี 2551 ดังนั้นจะให้กลับไปเป็นระบบเสรีไม่ได้ ไม่มีใครเลือกซื้อนมดิบจากเกษตรกร และ หากให้อบต.เลือกบริษัทผู้ผลิต จะเกิดปัญหาน้ำนมดิบ เกษตรกรไม่มีที่ไป เพราะในอนุกรรมการบริหารนมโรงเรียน ก็มีนายกสมาคม อบต. นายกสมาคมสันติบาตเทศบาล สมาคม อบจ. สภาเมืองพัทยา และ กทม. มาเป็นอนุกรรมการชุดที่พิจารณาคัดเลือกมา เป็นผู้ผลิตนมโรงเรียนอยู่แล้ว เราคิดจากต้นน้ำ หาคนมารับซื้อนมดิบได้ทั้งหมด โดยหาผู้ผลิตใกล้โรงเรียนในพื้นที่มากที่สุด”นายสุชาติ กล่าว
รมว.สธ.สั่งตรวจคุณภาพนมรร.ใหม่
วันเดียวกัน นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กล่าวถึงกรณีปัญหานมโรงเรียนที่จ.ลำปาง บูดเน่าและยังตรวจพบคุณภาพน้ำนมต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ตนรับไม่ได้ที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น ดังนั้น เรื่องนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.)ต้องตรวจโรงงานผลิตนมและตรวจสอบคุณภาพนมโรงเรียนก่อนถึงมือเด็กนักเรียนทั้งหมด เป็นระยะๆcละเพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว ได้สั่งการให้ ทางอย.จัดทำโครงการดูแลตรวจสอบมาตรฐานโรงผลิตนมและคุณภาพนมใหม่ กลับมาให้ผมพิจารณาในการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุขครั้งหน้าด้วย
จวกมิลค์บอร์ดยับไม่ทำงาน
แหล่งข่าวจากอดีตคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด)เปิดเผยว่ามิลค์บอร์ดได้ทำงานแบบขอไปที ไม่ค่อยรู้อะไร คิดถึงแต่ผลประโยชน์ ทำให้นมโรงเรียนมีปัญหาโดยไม่ใช้เวทีมิลค์บอร์ด ในการแก้ปัญหา ประชุมแต่ละครั้งแค่รับทราบรายงาน ไม่ลงดูพื้นที่ ทำงานไม่ตรงจุดหมาย ทั้งคุณภาพนม วิธีการแก้ วิธีการขาย แต่ปัญหาตอนนี้คือ โควต้ากระจุกตัว บางที่ ได้100 กว่าตัน ต่อวัน บางที่ได้ตันสองตัน ไม่มีความสมดุล อีกทั้ง ในการประชุม มิลค์บอร์ด ปกติ มีอธิบดีจากกรมต่างๆและกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นบอร์ด 24 คน เวลาประชุมมาไม่กี่กรม แทนที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ให้มาประชุมกลับส่งคนมาแทนสลับหน้ากันมา ไม่ได้ติดตามงาน งานไม่ต่อเนื่องกันเพราะเปลี่ยนคนมาตลอด แถมยังรับเบี้ยเลี้ยงประชุมครั้งละ2พันบาท
‘วิษณุ’อุบตัวเลขฟ้องจำนำข้าว
วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า กำหนดวันที่คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงส่งรายงานข้อมูลมาให้ตนเพื่อเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาคือ วันที่ 30กันยายน จากนั้นจะส่งให้กระทรวงการคลังดำเนินการฟ้องร้องต่อไป ส่วนจำนวนตัวเลขที่จะฟ้องนั้นมีอยู่แล้ว ยังไม่ขอเปิดเผย
แง้มตัวเลขฟ้องถึง5แสนล้าน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าจำนวนเงินที่จะฟ้องร้องประมาณ 5แสนล้านบาท ในข้อเท็จจริงแล้วมากหรือน้อยกว่านั้น นายวิษณุกล่าวว่า ยังต้องสู้กันอีกหลายศาล บอกตัวเลขไม่ได้ เมื่อถามว่า ตัวเลขจำนวนเงิน 5แสนล้านบาท ที่จะยื่นฟ้องนั้น รวมคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์และคดี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวกใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ โดยคำร้องจะแยกเป็น 2ประเภทคือ กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทย์ประเภทหนึ่งและกระทรวงการคลังเป็นโจทก์ประเภทหนึ่ง จำเลยแบ่งเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์และนายบุญทรงและพวก5-6คน การฟ้องแต่ละคนจะไม่เท่ากัน
‘ปู’ทำพิธีปัดเป่ามาร-ต่อเสริมดวง
สำหรับความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและคนในตระกูลชินวัตร นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.09น.ที่วัดศรีบุญเรือง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์และนางเยาวภา วงสวัสดิ์ รวมถึงคนตระกูลชินวัตร เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ พระพุทธรูปสิงห์หนึ่งประทานพร เพื่อเสริมดวง ต่อชะตาและเพื่อความเป็นสิริมงคลของตระกูลชินวัตร โดยภายในงานมีบรรดา สส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย รวมทั้งแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เข้าร่วมจำนวนมาก
ชาวเชียงใหม่รู้ข่าวแห่มาต้อนรับ
ทั้งนี้ พิธีเริ่มจาก พระครูสุเทพสิทธิคุณหรือ“หลวงพ่อพันเทวา”เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง เกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองเชียงใหม่ นำคณะสงฆ์ร่วมสวดเจริญพุทธมนต์พิธีสืบต่อชะตา เสริมสิริมงคล ก่อนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะรับมอบพระพุทธสิงห์หนึ่ง อายุเก่าแก่กว่า 40ปี ไปประดิษฐานที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ วัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่และมีพิธีรดน้ำมนต์ ซึ่งหลังเสร็จพิธีบรรดาประชาชนชาวเชียงใหม่ที่ทราบข่าวการมาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่างรอต้อนรับอย่างเนืองแน่น พร้อมพูดให้กำลังใจต่อสู้คดีต่างๆที่กำลังเผชิญอยู่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายประชาชนด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี