พระสมุห์โกศล ญาณวโร หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เจ้าป๊อกเจ้าอาวาสวัดป่าท่านุ่น ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พระนักพัฒนาที่นำฟุตบอลมาเป็นเครื่องมือทำให้ชุมชนชาวไทยพุทธ และมุสลิมในพื้นที่ให้มีความสามัคคีกัน โดยมีวัตถุประสงค์อยากให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติดและมีอนาคตที่ดีขึ้น “พระป๊อก”เป็นเด็กหนุ่มจากพังงา ตัดสินใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ในปี พ.ศ.2532 หลังจากนั้นปี 2535 จึงตัดสินใจเดินทางมาจำวัดที่วัดวิชิตสังฆาราม จ.ภูเก็ต ก็ได้ทำงานศิลปะควบคู่ไปด้วย
ระหว่างนั้นก็ได้เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน ก็พบปัญหาสังคมที่เกิดขึ้น ทุกเช้าและเย็นเด็กนักเรียนจะมีการทะเลาะวิวาทต่อยตีกันไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะเด็กไทยพุทธและมุสลิม นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องยาเสพติดที่ระบาดหนักในภาคใต้ ทำให้เยาวชนหลายคนติดยา สุ่มเสี่ยงต่อการที่จะก่ออาชญากรรม พระป๊อกจึงคิดหาวิธีการที่จะทำให้เยาวชนเหล่านี้ห่างไกลจากอบายมุข ท่านจึงตัดสินใจกลับมาอยู่ที่วัดป่าท่านุ่น และเลือกเอากีฬาฟุตบอลเข้ามาเป็นสื่อกลาง เพราะเด็กวัยรุ่นยากต่อการที่จะชักนำให้เข้าวัดมาฟังเทศน์ฟังธรรม พร้อมทั้งพัฒนาวัดที่จากเดิมเป็นพื้นที่ป่าช้า รกร้างจนทุกวันนี้วัดป่าท่านุ่นกลายเป็นจุดศูนย์กลางของคนในชุมชน
หลังจากที่พระป๊อกนำกีฬาฟุตบอลมาสู่ชุมชน ทำให้ชาวไทยพุทธและมุสลิมต่างมีความสามัคคี มีความรักใคร่กลมเกลียวต่อกัน จึงเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า ฟุตบอลไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬาเท่านั้น แต่เป็นเสมือนสื่อกลางในการสอดแทรกธรรมะให้เด็กได้เข้าถึง เด็กทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎกติกา เคารพการตัดสินใจของคนหมู่มาก ในทีมต้องมีความสมัครสมานสามัคคีกัน อดทน อดกลั้นและเข้มแข็งเมื่อเกิดการกระทบกระทั่งกันในสนาม สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นคำสอนให้เด็กๆ ได้ซึมซับทีละเล็กทีละน้อย
นอกจากนั้นพระป๊อกยังสานฝันของเด็กๆ ที่ต้องการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยการส่งไปคัดตัวตามโรงเรียน หรือสโมสรที่มีชื่อเสียงทางฟุตบอล จนเด็กหลายคนของวัดป่าท่านุ่นได้คัดตัวติดเป็นนักฟุตบอลทีมชาติหลายคนสร้างความภูมิใจให้กับพระป๊อกและพ่อแม่ของเด็กเป็นอย่างมาก กว่า 20 ปี ที่พระป๊อกใช้ฟุตบอลเป็นเครื่องมือ และสามารถสร้างนักเตะเยาวชนที่มีคุณภาพสู่สังคม ที่สามารถทำให้วัดกลายเป็นศูนย์รวมทั้งศาสนา และกีฬาของชาวไทยพุทธและมุสลิม ความเป็นพระกับกีฬาถึงแม้อาจจะขัดแย้งกัน แต่ในเมื่อมีจุดประสงค์ที่ต้องการส่งเสริมเยาวชน ให้เด็กๆ ในชุมชนเป็นคนที่ดีของสังคม ก็ไม่ต่างอะไรกับคำสอนของพระพุทธศาสนา ที่สอนให้ทุกคนเป็นคนดี ต่างกันก็แค่เพียงวิธีการนำเสนอออกมาเท่านั้นเอง
พรชัย แซ่เอี๋ยว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี