25 มี.ค.59 พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล ผู้บัญชาการสำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม พร้อมนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลก นายชิต อินทระนก ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 นายฐิติศักดิ์ กันเขตต์ นายอำเภอเขาค้อ เจ้าหน้าที่หน่วยงานป่าไม้ ตำรวจ ทหาร ปกครอง ตำรวจป่าไม้ หรือ ปทส. ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มทุน ที่เข้าบุกรุกยึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ ๆ และ นำไปออกเอกสารสิทธิที่ดินประเภทโฉนดที่ดิน ในเขตป่าต้นน้ำป่าสัก ท้องที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 700ไร่
ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากคดีเก่าที่ ชุดปฎัติการพยัคฆ์ไพร และ ชุดปฎิบัติการของ ศปป4.กอ.รมน.ได้เข้าตรวจยึดดำเนินคดีไว้ เมื่อเดือน เมษายน 2558 จำนวนเนื้อที่ 1,540ไร่ เป็นของกลุ่มทุน และตรวจพบมีเอกสารสิทธิที่ดินในเขตพื้นที่ตรวจยึด ประมาณ 500ไร่ และภายหลังกรมป่าไม้ ส่งเรื่องราวให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษๆดำเนินการตรวจสอบ และ พบว่าเป็นเอกสารสิทธที่ดินที่ออกมาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและรับเป็นคดีพิเศษ คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมกำหนดแนวทางการปฎิบัติในการดำเนินการตรวจสอบ กรณีที่มีการร้องเรียน เรื่องการบุกรุกยึดถือครอบครองที่ดินบริเวณ ในเขตพื้นที่ป่าไม้ตาม พรบ.ป่าไม้ 2484 และ นำไปออกเอกสารสิทธิที่ดิน ในเขตท้องที่ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ บริเวณใกล้เคียงวัดผาซ่อนแก้ว ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่จะดำเนินการบูรณาการร่วมเข้าตรวจสอบต่อไป ส่วนการดำเนินการตรวจยึดดำเนินคดีต่อกลุ่มทุนที่บุกรุกที่ดินในเขตป่าไม้ และ นำไปก่อสร้างรีสอร์ทไม่มีชื่อในท้องที่ ต.เพชรดำ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 2 จุด โดยมีนายอำเภอเขาค้อ เป็นฝ่ายอำนวยการนำเข้าตรวจสอบ ซึ่งเป็นลักษณะการก่อสร้างใหม่ และ มีการแจ้งเตือนแล้วแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ เข้าตรวจสอบพื้นที่การแผ้วถางปลูกยางพารา ในพื้นที่เขาสูงชัน และ เป็นแหล่งต้นน้ำโซน Cพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 โซน B และ พื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 2 เนื้อที่ประมาณ 700 ไร่เศษ ที่มีการออกโฉนดพื้นที่ทับซ้อนที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และ ป่าภูเรือ ตำบลศิลา อำเภอหล่มเก่า ซึ่งเป็นการออกเอกสารโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI รับเป็นคดีพิเศษ โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้กระทำผิดจำนวน 14 ราย เป็นนายทุนครอบครองที่ดิน 8 ราย และ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 6 ราย (เสียชีวิตแล้ว 1 ราย)
ส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องคืนให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยพื้นที่ทั้งหมด มีการบุกรุกเพื่อปลูกยางพารา โดยนายทุนภาคใต้ มีอดีตกำนันรายหนึ่งเป็นนายหน้าซื้อขายที่ดิน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 ซึ่งที่ดินในขณะนั้นมีเพียงหลักฐานการเสียภาษีบำรุงท้องที่ หรือ ภบท.5 จนกระทั่งต่อมามีการออกโฉนดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐจากการเดินออกสำรวจการออกโฉนด ตามประกาศจังหวัด เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2548 เป็นโฉนดที่ดินจำนวน 25 แปลง เนื้อที่ประมาณ 700 ไร่เศษ มูลค่าความเสียหาย จำนวน 29,532,448 บาท
จากผลการสอบสวนภายหลังพบว่าเป็นการออกโฉนด โดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากสภาพ และสถานะของที่ดินอยู่ในหลักเกณฑ์ต้องห้ามตามกฎหมาย เช่น อยู่ในพื้นที่เขตเขา หรือ ภูเขา พื้นที่มีความลาดชันเกิน 35 เปอร์เซ็นต์ มีพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และ มีการออกโฉนดทับลำห้วย และ ทางสาธารณประโยชน์ จึงเตรียมเพิกถอนโฉนดที่ดินราว 700 ไร่
ต่อมานายมานพ สายอุ่นใจ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 สาขาพิษณุโลกร่วมกับนายฐิติศักดิ์ กันเขตต์ นายอำเภอเขาค้อ กอ.รมน.พช. ป่าไม้จังหวัดเพชรบูรณ์ ทหาร ม.พัน 28 หน่วย ฯ พช.2 (เขาค้อ) พช.ฯ8 (น้ำเดื่อ) พช.18 (น้ำชุน) เข้าตรวจยึดพื้นที่ถูกบุกรุกก่อสร้างรีสอร์ท เนื้อที่ 4 ไร่เศษ พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 2 หลัง บริเวณบ้านเล่าลือ ม. ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ยึดอุปกรณ์ 9 รายการ รถจักรยานยนต์ 1 คัน ยี่ห้อยามาฮาเรนโบร สีแดง หมายเลขทะเบียน จจว.เชียงใหม่ 801 จำนวน 1 คัน ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาโปกหล่น เป็นพื้นที่ทหารขออนุญาตใช้พื้นที่ต่อกรมป่าไม้ และ ได้จัดให้ รอส. เป็นที่พักอาศัยทำการเกษตร แต่กลับมาทำการสร้างรีสอร์ท จึงผิดเงื่อนไข 9 ข้อ ของราษฎรอาสา (รอส.)
ขณะที่อำเภอเขาค้อ กรณีการบุกรุกพื้นที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาปางก่อ และ ป่าวังชมพู ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI รับเป็นคดี จำนวน 7 คดี เนื้อที่รวมประมาณ 20 ไร่ ก็พบว่ามีการบุกรุกยึดครอง พื้นที่โครงการปลูกป่าตามพระราชเสาวนีย์ บริเวณหมู่ที่ 1 ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ โดยมีการก่อสร้างอาคาร บ้านพัก ปัจจุบันดำเนินการสั่งฟ้อง ไปแล้ว 5 คดี โดยมีความเห็นสั่งฟ้องผู้กระทำผิดในข้อหายึดถือครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 , พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ ประมวลกฎหมายที่ดินทุกราย คงเหลืออีก 2 คดี ที่ใกล้จะดำเนินการแล้วเสร็จ
การดำเนินการกับผู้กระทำผิด ที่มีการปลูกสร้างรีสอร์ทนั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะได้ส่งเรื่องให้กรมป่าไม้ ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ และ ป่าสงวนแห่งชาติต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี