เสร็จจากการชี้แจงคนทำโพลล์ไม่กี่วัน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธีรภัทร ประยูรสิทธิ ก็เร่งลงพื้นที่ทำผลงาน (ให้เข้าตาใครก็ไม่รู้) และสร้างภาพไปพร้อมๆ กัน ที่กล่าวนี่มิได้เกินเลยความจริง เพราะยังไม่เคยเห็นปลัดเกษตรฯคนไหนลงพื้นที่ไปจับสารเร่งเนื้อแดง ปุ๋ยปลอม สารเคมีปลอม เหมือนปลัดท่านนี้
การลงพื้นที่ที่ผ่านมาคงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องนัก เพราะปฏิบัติการจับปุ๋ยปลอม สารเคมีปลอม หรือการใช้สารเร่งเนื้อแดง ต้องไปแบบเงียบๆ เพื่อจู่โจมถึงแหล่งผลิต จับให้ได้คาหนังคาเขา แต่ท่านเล่นแจ้งใครต่อใครให้ทราบกันทั่วก่อนที่จะไปเป็นอาทิตย์...ไก่ไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไป ข่าวที่ปรากฏออกมาราวกับท่านจับปุ๋ยปลอมได้มากมายเป็นโกดัง....ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเจ้าของปุ๋ยรายนี้ คงไม่เพี้ยนก็เมาที่รอให้คนมาจับ
พูดถึงปุ๋ยปลอม ก็พอดีกับคดีฮั้วประมูลปุ๋ยปลอม...ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะนัดฟังคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้อง อดีตรมว.เกษตรฯ ชูชีพ หาญสวัสดิ์ และเลขานุการ วิทยา เทียนทอง ในความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงาน พูดตามภาษาที่เข้าใจกันง่ายๆ คือ ฮั้วราคากัน
เหตุเกิดเมื่อกุมภาพันธ์ 2544 - กันยายน2545 กรมส่งเสริมการเกษตร สมัยอธิบดี ปราโมทย์ รักษาราษฎร์ เสนอให้มีการจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ โดยกำหนดเงื่อนไขเข้าข่ายล็อกสเปกให้ผู้ประมูลได้มีรายเดียว คือ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย ป.ป.ช.ท้วงติงแล้ว แต่รัฐมนตรีกลับเพิกเฉยไม่ตรวจสอบ และไฟเขียวให้ดำเนินการต่อ ขณะที่เลขานุการก็บันทึกต่อท้ายโครงการว่า ป.ป.ช. รับทราบแล้ว
เมื่อได้ทำสัญญาซื้อปุ๋ยอินทรีย์กับชุมนุมสหกรณ์การเกษตรฯเรียบร้อย ก็จัดส่งปุ๋ยอินทรีย์ที่ไม่ได้ตรวจสอบรับรองและไม่ได้มาตรฐานไปแจกจ่ายเกษตรกร ทำให้เกษตรกรได้รับความเสียหาย การจัดซื้อปุ๋ยอินทรีย์ครั้งนั้นจำนวนประมาณ 1.3 แสนตัน มูลค่าสูงกว่า 360ล้านบาท
เวลาผ่านมานานกว่า 10 ปี แต่เพิ่งจะมาฟ้องร้องเมื่อเดือนเมษายน 2558 และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ...คอยฟังกันเองแล้วกันว่าหมู่หรือจ่า....แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าถ้าไม่ใช่รัฐบาลทหาร คดีนี้คงเงียบหายไปกับสายลมเป็นแน่แท้
ยังมีอีกเรื่องของกระทรวงเกษตรฯที่ไม่พูดถึงไม่ได้อีกเช่นกัน...นั่นคือการแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี....เพราะท่านมาเงียบๆ แต่ไม่ได้มาเล่นๆ ....จากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 22 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา เห็นชอบตามที่ รมว.เกษตรฯ เสนอแต่งตั้ง นายวิทยา ผิวผ่อง เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี...นับเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีคนที่ 3 อันแสดงว่า งานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรี 2 คนเอาไม่อยู่...
หลายท่านคุ้นชื่อ วิทยา ผิวผ่อง เพราะเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่คำถามคือ...ผู้ช่วยรัฐมนตรี วิทยา ผิวผ่อง มาได้อย่างไร จะมาช่วย รมว.เกษตรฯ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ ในด้านใด ท่านอาจจะเก่งตอนที่ท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ได้รางวัลครุฑทองคำปี 2553 รุ่นเดียวกับ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ท่านทูตวีรชัยพลาศรัย เอกอัครราชทูตคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่ต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารอย่างเข้มแข็ง แต่ยังไม่ปรากฏในประวัติว่าท่านเก่งเรื่องเกษตร
คำตอบ ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับคำถามนักคือ ท่านมาได้เพราะเรียนหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรภาครัฐร่วมเอกชน (ปรอ.) รุ่นที่ 20 รุ่นเดียวกับบิ๊กฉัตร....และบิ๊กตู่ ....ใช่หรือไม่
จะแต่งตั้งผู้ช่วยอีกสักกี่คน แต่ถ้าไม่รู้เรื่องของเกษตรอย่างแท้จริง ก็คงช่วยอะไรไม่ได้..นะท่าน
เป็นห่วง และสงสารกระทรวงเกษตรฯ จริงๆ.....คนเกษตรไม่ได้ทำ คนทำไม่ใช่เกษตร....
แว่นขยาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี