11 พ.ค. 59 เมื่อเวลา 15.05 น. ร.ต.อ.กสานต์ พารา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบศพผู้เสียชีวิตบนรางรถไฟ ที่บริเวณสถานีรถไฟน้ำตก หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ไทรโยค ร.ท.กล้า แหวนเครือ หัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ ร.29 (หน.ชป.พท.ร.29) กรมทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
เมื่อไปถึงพบศพนางทองห่อ เหลนปก อายุ 77 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/1 หมู่ 4 ต.หนองโพ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นอนเสียชีวิตอยู่กลางรางรถไฟ โคนขาขวามีร่องรอยคล้ายถูกรถไฟเหยียบ ส่วนด้านซ้ายตั้งแต่โคนขาลงมาขาดกระเด็นห่างจากศพไปประมาณ 5 เมตร การแต่งกายนุ่งขาวห่มขาวลักษณะคล้ายแม่ชี หลังจากคณะแพทย์ชันสูตรเบื้องต้นแล้วเสร็จ จึงนำไปไว้ที่ รพ.ไทรโยค เพื่อส่งต่อไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
โดย ร.ต.อ.กสานต์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นแม่ชีอยู่สำนักแม่ชีชื่อดังแห่งหนึ่งในอ.ไทรโยค ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากถูกรถไฟเหยียบร่างจนขาดกระเด็น จึงเข้าไปตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดเอาไว้ที่สถานีรถไฟ ซึ่งปรากฏว่ากล้องสามารถจับภาพเอาไว้ได้ โดยเวลา 13.24 น. พบผู้เสียชีวิตกำลังเดินข้ามทางรถไฟเพียงลำพัง อยู่ๆ แม่ชีคนดังกล่าวก็เกิดเป็นลมหน้ามืดล้มลงไปนอนศรีษะและขาทั้ง 2 ข้างพาดอยู่กับรางรถไฟ ซึ่งจากภาพที่พบแม่ชีคนดังกล่าวยังพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แต่สุดท้ายก็นอนแน่นิ่งไป โดยมีประชาชนที่เดินไปมาอยู่ด้านบน แต่ไม่มีใครมองเห็นแม่ชีแม้แต่คนเดียว
ทั้งนี้สถานีรถไฟดังกล่าวเป็นจุดสิ้นสุดทางรถไฟ โดยมีรถไฟขบวน 486 สายน้ำตก-หนองปลาดุกจอดรอเวลากลับ จนกระทั่งเวลา 15.05 น.พนักงานขับรถไฟได้ขับรถถอยหลังจากรางที่ 3 สับไปรางที่ 1 เพื่อหันหัวจักรกลับ ระหว่างที่รถไฟขบวนดังกล่าวถอยหลัง โบกี้สุดท้ายได้เหยียบร่างของแม่ชีจนขาดกระเด็น เป็นเหตุทำให้เสียชีวิต ซึ่งพนักงานขับรถไฟก็มองไม่เห็นเช่นกัน และได้ขับมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟหนองปลาดุก จนกระทั่งมีผู้พบเห็นศพของแม่ชี จึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามจากการชันสูตรของคณะแพทย์ พบว่าที่จุดเกิดเหตุและร่างกายของผู้เสียชีวิตนั้นไม่มีเลือด คณะแพทย์จึงสันนิษฐานในเบื้องต้นว่า แม่ชีอาจจะเสียชีวิตก่อนที่จะถูกรถไฟเหยียบ เพื่อความแน่ชัด จึงจำเป็นต้องนำศพไปผ่าพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริง โดยให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์นำไปผ่าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี และจะประสานหาญาติเพื่อให้มาดูและรับศพต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี