วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
รายงานพิเศษ : ระบบน้ำนอง...ทางรอดของลุ่มน้ำยม

รายงานพิเศษ : ระบบน้ำนอง...ทางรอดของลุ่มน้ำยม

วันพุธ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559, 06.00 น.
Tag : ทางรอดของลุ่มน้ำยม ระบบน้ำนอง
  •  

ลุ่มน้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นลุ่มน้ำขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ถึง 22 จังหวัด มีลุ่มน้ำสาขาที่สำคัญ 4 ลุ่มน้ำด้วยกัน แต่ลุ่มน้ำที่ประสบปัญหาเรื่องน้ำรุนแรงมากที่สุดคือ “ลุ่มน้ำยม” เนื่องจากเป็นลุ่มน้ำเดียวที่ไม่มีแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมการบริหารจัดการน้ำ ต่างจากลุ่มน้ำสาขาอื่นๆ เช่น ลุ่มน้ำปิง มีเขื่อนภูมิพลสามารถกักเก็บน้ำได้จำนวนถึง 13,462 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ลุ่มน้ำวัง มีเขื่อนกิ่วคอหมาและเขื่อนกิ่วลม ความจุรวมกัน 276 ล้าน ลบ.ม. และลุ่มน้ำน่าน มี 2 เขื่อนสิริกิติ์ ความจุ 9,510 ล้านลบ.ม. และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ความจุ 939 ล้าน ลบ.ม.

ดังนั้นปัญหาเรื่องน้ำไม่ว่าจะเป็น ปัญหาน้ำท่วม หรือปัญหาน้ำแล้งในลุ่มน้ำสาขา ทั้งลุ่มน้ำปิง วัง และน่าน จึงไม่รุนแรงเหมือนกับลุ่มน้ำยม


ลุ่มน้ำยม มีพื้นที่มากกว่า 15 ล้านไร่ ครอบคลุม 11 จังหวัดคือ พะเยา น่าน ลำปาง แพร่ ตาก กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ พิจิตร และนครสวรรค์ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปี 1,204 มิลลิเมตร ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายปี 5,261 ล้าน ลบ.ม.
จึงไม่แปลกที่จะเกิดภาวะน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน และเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากขาดแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม แม้การแก้ปัญหาน้ำในพื้นที่ดังกล่าวจะเป็นเรื่องยากเพราะขาดแหล่งกักเก็บน้ำต้นทุนก็ตาม แต่ใช่ว่า..จะไม่มีช่องทางในการแก้ไขหรือบรรเทาได้เลย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2535 ถึงการบูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้งของ จ.สุโขทัย แบบยั่งยืน สรุปความได้ว่า ต้องมีการดำเนินการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบครบวงจร ทั้งการก่อสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ อ่างเก็บน้ำสาขาของแม่น้ำยม การผันน้ำระหว่างลุ่มน้ำ ตลอดจนขุดลอกคู คลอง หนอง บึง เพื่อกักเก็บน้ำและระบายน้ำในช่วงหน้าน้ำหลาก

จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 และวิกฤติภัยแล้งปี 2558-2559 รัฐบาลได้มอบหมายให้ กรมชลประทาน นำแนว
พระราชดำริดังกล่าวมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหา โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำเหนือ จ.นครสวรรค์ ที่ประสบปัญหาค่อนข้างรุนแรง กรมชลประทาน จึงดำเนินโครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมแก้มลิงพื้นที่ลุ่มต่ำเหนือ จ.นครสวรรค์ ขึ้นมา

โครงการดังกล่าว จะดำเนินการพัฒนาพื้นที่ลุ่มต่ำ คือ ทุ่งนา ที่ลุ่ม ที่มีน้ำท่วมขังเป็นประจำ ให้เป็นพื้นที่เก็บกักน้ำหลากชั่วคราว ด้วยการควบคุมน้ำเข้าพื้นที่อย่างเป็นระบบ และบริหารจัดการน้ำที่เก็บกักไว้เพื่อประโยชน์ในการเพาะปลูก จากนั้นก็ควบคุมการระบายน้ำออกจากพื้นที่ตามเวลาที่เหมาะสม

ทั้งนี้ต้องดำเนินการภายใต้เงื่อนไขที่ว่า....“จะไม่มีการเวนคืนที่ดิน ไม่มีการขุดที่นา ประชาชนต้องยอมรับ หากไม่ปรารถนา
ก็จะไม่ทำ”

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า โครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมแก้มลิงพื้นที่ลุ่มต่ำเหนือ จ.นครสวรรค์ ทำให้ทราบว่าพื้นที่ลุ่มต่ำที่จะใช้เป็นแก้มลิงเก็บกักน้ำหลากชั่วคราวอยู่บริเวณไหนบ้าง และต้องมีการพัฒนาฟื้นฟูห้วย หนอง คลอง บึง ให้กว้างขึ้น ลึกขึ้น ใหญ่ขึ้น ยกทางสัญจรหลักในหมู่บ้านให้สูงขึ้นหรือก่อสร้างใหม่ มีคันป้องกันน้ำท่วมชุมชน พร้อมจัดทำระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่สมบูรณ์ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ แต่เกษตรกรต้องปรับระยะเวลาเพาะปลูกพืชให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ผลผลิตได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมหรือการขาดแคลนน้ำ

สำหรับประโยชน์โดยตรงที่เกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบจะได้รับ คือ สามารถทำการเกษตรได้ปีละ 2 ครั้ง คือ นาปรัง และนาปี
หรือการปลูกพืชอื่นๆ ในช่วงที่ปล่อยให้น้ำท่วมที่นาก็สามารถประกอบอาชีพประมงมีรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง และเมื่อระบายน้ำออกจากที่นาเพื่อปลูกข้าวหรือปลูกพืชอื่นๆ น้ำที่ท่วมจะพัดพาความอุดมบูรณ์มาด้วย ทำให้ลดการใช้ปุ๋ย และยังตัดวงจรชีวิตของแมลงศัตรูพืช ช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ในขณะนี้ผลผลิตข้าวหรือพืชอื่นๆ สูงขึ้น

“โครงการดังกล่าวยังจะช่วยตัดยอดน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากได้มากกว่า 900 ล้านลบ.ม. หรือเท่าๆกับปริมาณน้ำที่เก็บกักในเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ซึ่งช่วยบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอีกด้วย” ดร.สมเกียรติกล่าว

นายสมศักดิ์ บ่องเขาย้อย ต.ท่านางงาม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก กล่าวว่า การบริการจัดการน้ำโดยใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ ด้วยการใช้พื้นที่ของเกษตรกรเป็นแก้มลิงนั้น มีการทดลองแล้วประสบผลสำเร็จ เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 2 ฤดูกาล และการปล่อยให้น้ำท่วมที่นาทำให้ดินมีอินทรีย์วัตถุมากขึ้น วัชพืชตายโดยไม่ต้องใช้ยากำจัดวัชพืช หนูที่เป็นศัตรูของข้าวก็ไม่มี ผลผลิตข้าวหรือพืชอื่นๆก็สูงขึ้น ในขณะที่ต้นทุนการผลิตลดลง และยังมีรายได้จากการประมงในช่วงน้ำท่วมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องปรับเปลี่ยนฤดูกาลปลูกข้าวใหม่ให้เร็วขึ้นคือ นาปี หรือปลูกพืชอื่นๆ เริ่มปลูกวันที่ 1 เมษายน ซึ่งอาจจะมีปัญหาเรื่องน้ำ แต่กรมชลประทานก็ได้ผันน้ำจากลุ่มน้ำน่านมาช่วยเหลือ ประมาณเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ เมื่อน้ำหลากประมาณเดือนสิงหาคม–ตุลาคมก็ใช้ที่นาเป็นแก้มลิง มีการสร้างเครื่องมือชลประทานควบคุมปริมาณน้ำ และเมื่อสิ้นสุดฤดูน้ำหลากประมาณเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ก็จะเริ่มทยอยปล่อยน้ำออกจากที่ลุ่มต่ำ เกษตรกรก็สามารถทำนาปรังได้ โดยใช้น้ำที่เก็บกักไว้ในแก้มลิง ห้วย หนอง คลอง บึง

นางจรรยา ละออง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.วังใหญ่ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย กล่าวว่า กรมชลประทานได้เข้ามาปรับปรุงคลองตาดิน เพื่อใช้ผันน้ำจากแม่น้ำยมเข้าสู่พื้นที่ลุ่มต่ำ และให้เก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งสามารถเก็บกักไว้ในคลองได้ประมาณ 26,000 ลบ.ม. เพียงพอสำหรับการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เช่น ยาสูบ แตงโม พริก ชาวบ้านและเกษตรกรจึงเห็นด้วยกับโครงการนี้ อย่างไรก็ตามการดำเนินโครงการดังกล่าว ถือว่า เกษรตรกรเจ้าของพื้นที่เป็นผู้เสียสละ ดังนั้นน่าจะมีการประเมินความเสียหาย จ่ายค่าชดเชย หรือเยียวยาอย่างเป็นธรรมสมควรกับเหตุให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบด้วย

“หากการดำเนินโครงการดังกล่าวประสบผลสำเร็จ กรมชลประทานจะขยายผลไปยังลุ่มน้ำอื่นๆ ต่อไป เช่น ลุ่มเจ้าพระยา ในบริเวณทุ่งบางบาล เป็นต้น” รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวในตอนท้าย
 

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

กูรูอสังหาฯไขข้อข้องใจ! ต่างชาติซื้อห้องชุดในไทยน้อยลงจริงหรือ?

'คนน่าน'รวมพลัง! ผลักดัน'รถไฟรางคู่'ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน

แฝงค้ากาม!!! 'CIB'บุกจับร้านโอเกะกลางเมืองชลบุรี

วงถกเลิกความผิดอาชีพค้าประเวณี สำรวจชี้ยินดีจ่ายตามระบบกฎหมายดีกว่าเงินไปไหนไม่รู้

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved