15 มิ.ย. 59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (14 มิ.ย.) ที่ศาลแห่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา หมายเลขดำ 2942/2550 ที่นายธีรวัต ณ ป้อมเพชร อดีตอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย กาย บรรณาธิการบริหารนิตยสารลิปส์ เป็นจำเลย เรื่องขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนพินัยกรรมมูลค่า 300 ล้านบาท ที่นายวิวรรธน์ ณ ป้อมเพชร ยกให้แก่จำเลย

คดีนี้บรรยายฟ้องสรุปว่า จำเลยกับพวกร่วมกันทำหนังสือฉบับหนึ่งอ้างว่าเป็นพินัยกรรม ที่นายวิวรรธน์ บิดาโจทก์ มีคำสั่งให้ยกเลิกพินัยกรรมฉบับเดิม แล้วทำพินัยกรรมฉบับใหม่ เพื่อยกทรัพย์สินเป็น ที่ดิน 3 ไร่ ย่านยานนาวา กทม. พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้าง และห้องชุดเลขที่ 3 จี คอนโดมิเนียมการ์เด้น คลิฟ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ให้แก่จำเลย โดยที่ญาติพี่น้องของนายวิวรรธน์ ไม่มีใครทราบมาก่อนว่านายวิวรรธน์ ได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้น และไม่มีใครรู้จักพยานที่ลงชื่อในพินัยกรรมฉบับดังกล่าว นอกจากนี้ในพินัยกรรมดังกล่าวไม่มีแพทย์รับรองว่านายวิวรรธน์ มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ขณะทำพินัยกรรม ทั้งลักษณะลายมือชื่อของนายวิวรรธน์ในพินัยกรรมก็ไม่ใช่ลายมือที่แท้จริง โจทก์เชื่อว่านายวิวรรธน์ ไม่มีเจตนาที่จะยกทรัพย์มรดกให้กับจำเลย พินัยกรรมดังกล่าวจึงเป็นพินัยกรรมปลอม การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์กับทายาทได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลมีคำสั่งทำลายพินัยกรรมปลอมฉบับดังกล่าว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พินัยกรรมดังกล่าวเป็นเอกสารที่ถูกต้อง ขณะที่พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายจำเลยได้ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ว่า พินัยกรรมฉบับดังกล่าวเป็นโมฆะ จำเลยยื่นฎีกา

ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พินัยกรรมฉบับดังกล่าวมีพิรุธ โดยได้ความจากนายวิสูตร กาญจนปัญญาพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สำนักกฎหมายธรรมนิติ จำกัด พยานจำเลย ว่า ปกติการทำพินัยกรรมจะมีการบันทึกวีดีทัศน์แลถ่ายรูปขณะทำพินัยกรรม แต่การทำพินัยกรรมของนายวิวรรธน์ ไม่ได้มีการบันทึกไว้ ทั้งที่สามารถเตรียมการให้มีการบันทึกได้ และลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมยังไม่อาจชี้ชัดได้ว่าเป็นลายมือของผู้ตายหรือไม่ ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมเป็นของผู้ตาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ขอบคุณภาพ : Sakchai Guy