สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้ความสำคัญต่อเรื่องการสอนวิชาการสหกรณ์ในโรงเรียนเป็นอย่างมาก ซึ่งพระองค์ประสงค์ให้มีขึ้นทุกโรงเรียน รวมถึงโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาด้วย เพื่อสอนให้เด็กนักเรียนตลอดจนสามเณรรู้จักการทำงานและมีกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 8 ประการ เช่น ซื่อสัตย์ สุจริต มีจิตสาธารณะ มีวินัย และอยู่อย่างพอเพียง เป็นต้น โดยสามารถบูรณาการทุกสาระการเรียนรู้สู่กิจกรรมสหกรณ์นักเรียนเข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน
สำหรับการสอนการสหกรณ์ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม เป็นพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระองค์ทรงริเริ่มให้มีการสอนวิทยาการด้านการสหกรณ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2534 ในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน โดยโรงเรียนพระปริยัติธรรมนั้นเป็นแห่งที่ 2 โดยเริ่มต้นเมื่อ 25 ปี ที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าไปมาก เนื่องจากพระภิกษุ สามเณรที่เข้าร่วมโครงการสามารถนำวิทยาการด้านการสหกรณ์ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ทั้งในวัดและยามที่ได้ลาสิกขาบทไปเป็นสามัญชนแล้ว ยังได้นำความรู้ด้านการสหกรณ์ไปใช้ในการดำรงชีวิตตลอดจนนำไปพัฒนาในชุมชนของตนเอง นอกจากนี้ ยังสามารถนำหลักการสหกรณ์ไปใช้กับการเทศนาสั่งสอนคนในชุมชนที่อาศัยอยู่ได้ นับเป็นการช่วยขยายความรู้ด้านการสหกรณ์ออกไปอีกด้วย
นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรม ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการสอนวิทยาการสหกรณ์
ในโรงเรียนพระปริยัติธรรม และได้รับความร่วมมือจากพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเป็นกำลังสำคัญให้กับโครงการนี้ ทำให้กรม สามารถถวายความรู้ทำให้พระภิกษุสามเณรมีความรู้ด้านการสหกรณ์มาอย่างต่อเนื่องเป็นอย่างดี โดยคาดหวังว่าโครงการดังกล่าว จะทำให้พระภิกษุสามเณรสามารถนำหลักการสหกรณ์ไปใช้ในการดำรงชีวิตภายหลังจากได้ลาสิกขาบทแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการฝึกอาชีพในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นงานช่างฝีมือต่างๆ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ รวมทั้งการดำรงชีวิตโดยการนำหลักการในเรื่องของบัญชีมาใช้ การรวมกลุ่มกันบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ สามัคคี ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้สังคมมีความเข้มแข็งมากขึ้น
“พระภิกษุ สามเณรที่เข้ามาอยู่ในโรงเรียนพระปริยัติธรรมนั้น ส่วนหนึ่งมีฐานะยากจน ไม่มีโอกาสได้เรียนในโรงเรียนปกติทั่วไป ท่านจึงได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่มีการสอนวิชาสามัญอยู่ด้วย นับเป็นสายพระเนตรที่ยาวไกลของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเห็นความสำคัญ จึงได้มีการรณรงค์ให้พระภิกษุ สามเณรที่อยู่ในโรงเรียนได้มีการเรียนรู้วิชาการสหกรณ์ เมื่อลาสิกขาบทไปก็จะเป็นกำลังสำคัญของสังคม พัฒนาชุมชนที่อาศัยอยู่ ดังนั้น โรงเรียนพระปริยัติธรรมถือเป็นโรงเรียนที่ให้โอกาสกับบุคคลที่มีฐานะยากจนได้เข้ามาเรียนฟรี อยู่ฟรี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเจริญเติบโตในภาคสหกรณ์มีความมั่นคงยิ่งขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว
ด้าน พระครูนิปุน พัฒนกิจ ผู้อำนวยการโรงเรียนห้วยข้าวก่ำพิทยา อ.จุน จ.พะเยา กล่าวว่า สำหรับการสอนวิชาการสหกรณ์นั้น เราเริ่มต้นจากการสอนให้สามเณรรู้จักคำว่าอดออม ประหยัด มัธยัสถ์ เพื่อพัฒนาตนเอง และเมื่อบริหารจัดการสหกรณ์ได้ มีเงินออม มีเงินปันหุ้น สามเณรก็จะสามารถนำเงินเหล่านี้ ไปเป็นทุนการศึกษาต่อไป นอกจากนี้วิชาที่สามเณรได้รับและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งอีกอย่างหนึ่งคือ โครงการช่าง 10 หมู่ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้ความสำคัญต่อการสร้างอาชีพ และทรงดำริว่า สามเณรจะต้องมีอาชีพติดตัวดังนั้น จึงมีการทำโครงการดังกล่าว มีการสอนงานช่างต่างๆ เช่น การตอกลายการสานกระเป๋า เป็นต้น แล้วนำมาจำหน่ายให้กับสหกรณ์ สหกรณ์ก็จะนำไปจำหน่ายต่อ เมื่อมีรายได้ก็จะนำมาปันผลให้กับสามเณร ส่งผลให้สามเณรมีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น
“หัวใจสำคัญของการเรียนการสอนดังกล่าว คือ ต้องการสามเณรได้เรียนรู้เรื่องอุดมการณ์สหกรณ์ เช่น การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน การพึ่งตนเอง หลักการบัญชี การอยู่ร่วมกันบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ ความสามัคคี รวมทั้งเรื่องของการสร้างความเข้มแข็งในความคิด และอาชีพ จนสามารถเป็นกำลังหลักของสังคมได้ในอนาคต” พระครูนิปุน กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี