โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะเลี้ยงปลานิลแบบครบวงจร เป็นอีกหนึ่งโครงการภายใต้นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการปฏิรูปภาคเกษตร ตามแผนการปรับโครงสร้างและพัฒนาการผลิตสินค้าประมง (ประมงแปลงใหญ่) ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งมุ่งเน้นให้เกิดการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้เกิดมูลค่าเพิ่มและเกิดระบบตลาด เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้เกษตรกร โดยมุ่งเน้นการลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพด้วยการตรวจประเมินฟาร์มให้ได้มาตรฐานการผลิต
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าปัจจุบันมีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลานิลที่เป็นแปลงเล็กหลายคนจนกลายเป็นการบริหารจัดการร่วมกันในพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยมีการนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย กาฬสินธุ์ ชลบุรี และนครศรีธรรมราช โดยขณะนี้มีการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม 7 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การเพิ่มผลผลิต การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มมูลค่าสินค้า การยกระดับมาตรฐานฟาร์ม การจัดตั้งสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยง การติดตามประเมินผล และการบริหารโครงการ โดยกำหนดเป้าหมายให้มีผลผลิตปลานิลเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 สามารถลดต้นทุนการเลี้ยงได้อย่างน้อย ร้อยละ 10 มีการรวมกลุ่มแปรรูปอย่างน้อย 1 กลุ่ม และมีฟาร์มที่ได้ GAP อย่างน้อย 320 ฟาร์ม สามารถจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนอย่างน้อย 4 กลุ่ม และส่งเสริมทางการตลาด ซึ่งได้ร่วมกับสภาหอการค้า โดยสมาคมแช่เยือกแข็งส่งจำหน่ายผลผลิตปลานิลในห้างสรรพสินค้าได้ 1 แห่ง และขยายไปสู่ตลาดอื่นๆ รวมถึงตลาดต่างประเทศต่อไป
ปัจจุบันโครงการแปลงใหญ่ปลานิล มีการดำเนินการที่ชัดเจนและประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในรูปแบบ “ประชารัฐ”
คือความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เกษตรกร และภาคเอกชน ซึ่งสอดรับกับนโยบายรัฐบาลในขณะนี้โดยเฉพาะโครงการปลานิลแปลงใหญ่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งจากเดิมเมื่อปี’58 มีเกษตรกรในพื้นที่เพาะเลี้ยงปลานิลแปลงใหญ่ในเขตอำเภอพานทอง และอำเภอพนัสนิคมจำนวน 180 ราย พื้นที่เลี้ยง จำนวน 1,797 ไร่ ปัจจุบันปี’59 มีเกษตรกรเพิ่มขึ้นอีก 300 และมีพื้นที่เลี้ยงเพิ่มขึ้นเป็น 3,235 ไร่ พร้อมทั้งมีการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) ซึ่งประกอบด้วยคณะทำงาน จำนวน 4 ทีม ได้แก่ ทีมผู้จัดการ ทีมลดต้นทุน ทีมการตลาด และทีมบริหารจัดการ
\
เชิดชัย พรหมแก้ว
นายเชิดชัย พรหมแก้ว ผู้อำนวยการกองพัฒนาสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรผู้ทำประมงในพื้นที่ได้มีการรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้วเพียงแต่ไม่ได้มีการจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ แต่เป็นการรวมตัวทำธุรกิจจัดหาอาหารปลาด้วยกันเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง โดยหลังจากที่มีการลงนาม MOU ระหว่าง กระทรวงเกษตรฯ กับ สภาหอการค้า เกษตรกรกลุ่มนี้ก็ได้มีการจัดตั้งสหกรณ์เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา
ตั้งแต่ที่ได้มีการจัดตั้งสหกรณ์ ในชื่อว่า “สหกรณ์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชลบุรี จำกัด” โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ก็ได้เข้ามาวางระบบการทำงาน วางแผนการทำธุรกิจ การดำเนินงานด้วยวิธีการสหกรณ์ และก็นำวิชาการจากกรมประมงและหน่วยงานต่างๆที่เข้ามาให้ความรู้ในการเลี้ยงปลา โดยหาแนวทางการลดต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งที่เกษตรกรต้องการ 3 ด้านเพื่อช่วยเรื่องการลดต้นทุนคือ 1.พันธุ์ปลา/2.เทคโนโลยีในการเลี้ยง/และ3.อาหารปลา ซึ่งในส่วนนี้มีต้นทุนสูง 60%-70% ของการเลี้ยง
“การเลี้ยงปลานิลนั้นควรจะเลี้ยงร่วมกับกุ้งขาวแวนนาไม เนื่องจากจะสามารถช่วยลดต้นทุนได้ รวมทั้งเกษตรกรสามารถจับกุ้งขายเพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง พร้อมกันนี้ กรมได้วางแนวทางการดำเนินการใน 3 ปี โดยต้องการที่จะให้สหกรณ์แห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมปลาทั้งหมดของพี่น้องสมาชิกและจัดการเข้าตลาด ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เตรียมความพร้อมไว้ 2 เรื่อง คือ 1.จัดหาเงินอุดหนุนมาให้สร้างเป็นแหล่งรวบรวมปลา และ 2.จัดหาเงินทุนดอกเบี้ยหมุนเวียนต่ำ เพื่อมาให้จัดการรวบรวมปลา และคาดว่าในปี 2561 น่าจะประสบความสำเร็จได้ 100% โดยในระยะแรกจะดำเนินการให้สหกรณ์แห่งนี้ขยายงานไปให้ครอบคลุมสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่บริเวณประมาณ 300 คน” นายเชิดชัย กล่าว
พรชัย บัวประดิษฐ์
นายพรชัย บัวประดิษฐ์ ประธานสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชลบุรี จำกัด กล่าวว่า โครงการแปลงใหญ่ประชารัฐทำให้เกษตรกรมีการพัฒนาตัวเองเพิ่มมากขึ้นในหลายด้าน โดยในระยะแรกมีสมาชิกเพียง 100 กว่าราย จนกระทั่งมีนโยบายเรื่องแปลงใหญ่เกษตรกรในพื้นที่ได้มีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งมากขึ้น แต่เดิมมีการรวมพื้นที่อยู่ 1,000 กว่าไร่ ขณะนี้มีทั้งหมด 5,000 ไร่ มีสมาชิกกว่า 400 คน ประกอบกับการเลี้ยงปลาของเกษตรกรที่แต่เดิมจะปล่อยลุกพันธุ์ปลา 3,000-5,000 ตัวต่อไร่ ปัจจุบันลดลงเหลือ 800 -1,200 ตัวต่อไร่ ซึ่งทำให้ลูกพันธุ์ปลามีโอกาสรอดสูงและมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเดิม และเมื่อถึงช่วงเวลาเก็บเกี่ยวผลผลิตปลานิลเพิ่มขึ้นจากเดิมเฉลี่ย 566 กิโลกรัมต่อไร่ เพิ่มเป็น 623 กิโลกรัมต่อไร่ คิดรวมผลผลิตทั้งหมด 2,015 ตัน ประกอบกับสมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม รายได้เฉลี่ย 26,000 บาทต่อไร่ อีกทั้งการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของสหกรณ์ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชลบุรี จำกัด ยังได้รับมาตรฐาน GAP อีกด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรฯคาดว่า ในปี 2560 โครงการปลานิลแปลงใหญ่ ทั้ง 4 จังหวัด จะดำเนินการตามแผนการเพิ่มผลผลิต ต้นทุนการผลิตลดลง ให้ได้ตามเป้า 10% หรือคิดเป็น 36,000 ตันต่อปี มีการรับรองมาตรฐาน GAP 1,680 ฟาร์ม จากทั้งหมด 2,100 ฟาร์ม และจัดตั้งกลุ่มแปรรูปสินค้าปลานิลให้ครบ 5 กลุ่ม กลุ่มวิสาหกิจชุมชน 14 กลุ่ม สหกรณ์ปลานิล 4 แห่ง และมีผลผลิตปลานิลจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าภายในจังหวัดให้ได้จังหวัดละ 1 แห่ง ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี