6 ส.ค. 59 นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า เนื่องจากในปี 2559 นี้ เป็นปีที่ทางภาครัฐจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมงกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี และในวันที่ 12 สิงหาคม  เป็นวันเฉลิมพระชนพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์ พระบรมราชินีนาถ ทางจังหวัดได้จัดทำโครงการขึ้นมาหลายโครงการเพื่อเทิดพระเกียรติ์สมเด็จพระนางเจ้า  พระบรมราชินีนาถ เช่นโครงการปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติ์ โครงการรับบริจาคโลหิต โครงการปลูกบ้านเทิดไท้องค์พระราชินี ให้ผู้ที่ไม่มีที่พักอาศัย อำเภอละ 1 หลัง  รวม 3 หลัง โดย มีอบจ.และ อบต. ในพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการ ในโครงการดังกล่าว

โครงการจัดกิจกรรม นำฝาแฝดเกือบ 100 คู่ที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสงคราม มาร่วมกิจกรรม ในการศึกษาเรียนรู้เรื่อง ประวัติความเป็นมาของคู่แฝดสยามอิน-จัน ที่อนุสรณ์สถานแฝดสยามอิน-จัน หมู่ 4 ต.ลาดใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โดยมีคู่แฝดจำนวน 50 คู่ขึ้นไป มาร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ทางจังหวัด และทางอบต.ลาดใหญ่จัดไว้ให้ผู้ที่มาร่วมงาน ซึ่งก็มีทั้งผู้ปกครองของฝาแฝด   ครูอาจารย์ ของเด็กนักเรียนฝาแฝด พาลูกศิษย์ที่เป็นแฝดมาร่วมกิจกรรม กับทางจังหวัด รวมแล้ว กว่า 100 ชีวิต

นางสาวจิตรา กล่าวต่อไปอีกว่า ประวัติศาสตร์เรื่องแฝดสยามอินจัน ก็เป็นที่สนใจของชาวโลกเป็นอย่างมาก เพราะเป็นฝาแฝดลำตัวติดกัน อยู่ด้วยกัน มีครอบครัวด้วยกันทั้งคู่ และยังมีทายาทด้วย ซึ่งทายาทบางรายยังมีชีวิตอยู่ เคยติดต่อมาทางจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อจะมาเคารพสักการะบรรพบุรุษ ที่สำคัญคือในปัจจุบันจังหวัดสมุทรสงคราม มีคู่ฝาแฝด เกือบ 100 คู่ และยังมีแฝดสาม ประมาณ 10 คู่ ทั้งที่เป็นจังหวัดเล็กที่สุดในประเทศไทย ขณะที่จังหวัดใหญ่ บางจังหวัดยังมีไม่ถึง 50 คู่ ทางจังหวัดจึงได้ร่วมกับ อบต. ลาดใหญ่ จัดวันนัดพบฝาแฝดสักครั้งหนึ่ง แม้จะไม่ครบ 100  คู่หรือไม่ แต่มากกว่า 50 คู่ขึ้นไปก็พอใจแล้ว

สำหรับกิจกรรมเทิดไท้องค์พระราชินี โดยให้ฝาแฝด ผู้ปกครอง และครูอาจารย์ที่มาร่วมงานร่วมกิจกรรม เช่น เล่นเกมส์กินอาหารเร็ว กิจกรรมปลูกต้นไม้ฝาแฝด โดยปลูกกล้วยต้องใช้หน่อกล้วย 2 หน่อ ปลูกอยู่ด้วยกัน หากเป็นไม้ยืนต้น ก็ใช้ต้นไม้ที่มีลำต้นติดกันแต่โคนขึ้นไปถึงยอด และกิจกรรมปรุงอาหารเมนูเด็ดของจังหวัดสมุทรสงคราม ในขณะนี้ คือ “ส้มตำส้มโอ“ โดยมีรางวัลให้ผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศ

แฝดสยามอิน-จัน จากการศึกษาประวัติศาสตร์ที่เมืองไทยไม่มีผู้ใดบันทึกไว้เลย ประวัติศาสตร์ที่ได้มานี้ เป็นของบาทหลวง ท่านหนึ่งชื่อว่าหมอ บรัดเวย์ เป็นชาวอังกฤษ แต่มาสอนหนังสือหรือภาษา ที่เมืองสยาม ณ เวลานั้น คุณหมอบรัดเวย์ ได้บันทึกว่า   แฝดสยามอินจัน เกิดที่บ้านเรือนแพริมน้ำ หรือบริเวณวัดใหญ่ในปัจจุบัน เป็นบุตรของนายตี๋อ้าย เป็นชาวจีน และ นางนก คนไทย และยังมีพี่น้องทั้งชายหญิงอีก 5 คน  แต่อินกับจันที่เป็นฝาแฝดเป็นลูกคนโต เกิดมาก็แฝดติดกันตลอดมา มีความสามารถ  เหมือนกับเด็กปกติธรรมดา เพียงมีลำตัวติดกันเท่านั้น

ปัญหามันเกิดขึ้นตอนที่อายุของแฝดสยามอินจันอายุ ได้ 10 ปี เกิดโรคระบาด ที่เรียกกันว่าโรคห่า หรือโรคอหิวาต์ในปัจจุบัน  ผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมาก แถบจะล้างบาง ชาวบ้านที่เหลือรอด อยู่จึงพากันโจษจันว่า สาเหตุมาจากแฝดสยามอินจัน มาเกิด  เป็นกลีบ้านกลีเมือง เป็นตัวอุบาท ทำให้ผู้คนล้มตาย แม้แต่พี่น้องของอินจันก็ตายไปด้วย ชาวบ้านจึงพยายามรวมตัวกันขับไล่ครอบครัวอินจัน ให้ออกไปจากชุมชน พอดีกลับที่มีพ่อค้าวาณิชย์จากประเทศอังกฤษและอเมริกา  เดินทางมาทางเรือสินค้า มาค้าขายที่บริเวณปากอ่าวแม่กลอง และได้พบกับแฝดสยามอินจันที่กำลังว่ายน้ำ พายเรือเล่นด้วยกันได้

พ่อค้าทั้งสองจึงเอ่ยปากซื้อแฝดสยามอินจัน จากเตี่ยและแม่ของอินจันในขณะนั้น ครอบครัวอินจันกำลังมีปัญหาเรื่องถูกขับไล่อยู่ พ่อกับแม่ของอินจัน  จึงขายให้พ่อค้าชาวต่างประเทศไทย พ่อค้าดังกล่าวไดนำอินจันเดินทางทางเรือเดินทะเล ล่องไปอเมริกา ในระหว่างอยู่ในเรือ  พ่อค้าทั้งสองได้สอนภาษาอังกฤษ ให้กับอินและจัน ทั้งสองเรียนรู้ได้รวดเร็วมาก เดินทางประมาณ 2 เดือน อินและจันก็พูดภาษาอังกฤษได้ และมีความเป็นอยู่อย่างชาวอังกฤษและอเมริกาได้

เมื่อไปถึงประเทศอเมริกาพ่อค้าทั้งสองได้ฝึกฝนให้อิน-จันเรียนรู้เรื่องมายากล และการแสดงความสามารถพิเศษต่างๆ เป็นการโชว์ความสามารถ ในตัวของฝาแฝดเอง โดยใช้ชื่อการแสดงว่า “การโชว์ความแปลกประหลาดมหัศจรรย์ในโลก“ และเป็นที่ชื่นชอบและสนใจของคนทั่วโลก ได้มีการว่าจ้างแฝดสยามอินจันไปโชว์ตามโรงภาพยนตร์ และสถานที่ต่างๆ ให้ไปทำการแสดงทั่วโลกยกเว้นประเทศไทยที่พ่อค้าทั้งสองไม่พากลับมา เพราะกลัวอินจันจะไม่กลับไปประเทศตนอีก

ความสำพันธ์ของพ่อค้ากับแฝดสยามอินจันขาดสะบั้นลง เมื่ออินจันทนการเอารัดเอาเปรียบของพ่อค้าทั้งสองไม่ไหว อินจันจึงประกาศตัวแยกออกมา ตั้งคณะโชว์ของตนเองขึ้น และเดินทางไปแสดงทั่วโลก อินจัน ใช้ความสามารถของตนเองจนเก็บเงินได้มาก จึงซื้อที่ดินทำไร่ ปลูกบ้านอาศัย คนละ 1 หลังและแต่งงาน พร้อมกัน อินได้เจ้าสาวเป็นคนพี่ ส่วนจันได้เจ้าสาวเป็นคนน้อง  ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน จึงอยู่รวมกันได้ อินนั้นมีบุตรชายหญิง 6 คน จันมีบุตรชายหญิง 5 คน รวมแล้วแฝดสยามอินจันมีบุตรถึง 11 คนด้วยกัน

แฝดสยามอินจันสิ้นชีวิตเมื่ออายุได้ 65 ปี ด้วยโรคหัวใจวายฉับพลัน สาเหตุมาจากจันชอบกินเหล้า จึงมีอารมณ์ฉุนเฉียว ขี้โมโห  ใจร้อน นักเลง แต่อินเป็นคนเงียบขรึม เก็บความรู้สึก จันเสียเสียชีวิตก่อน ด้วยโรคไตวายและตับแข็ง ส่วนอินไม่มีโรคประจำตัว  สุขภาพแข็งแรง แต่เป็นเพราะร่างกายติดกัน หลังจันตายไปได้สัก 10 ชั่วโมงกว่าๆ อินก็ตายตาม ซึ่งเรื่องนี้มีคำถามว่า อินจันตอนอยู่ต่างประเทศทำไมไม่ผ่าตัด  ได้รับคำตอบว่า กิจกรรมทางการแพทย์สมัยก่อนต่างกับสมัยนี้อย่างสิ้นเชิง ฝาแฝดที่ลำตัวติดกันในสมัยนี้ สามารถผ่าตัดแยกจากกันได้ แต่ในสมัยก่อนหากผ่าตัด อาจเหลือมีชีวิตอยู่แค่คนเดียว อินและจันจึงไม่ยอมผ่าตัดแยกจากกัน เพราะกลัวเสียชีวิต

มีคำถามอีกว่า แฝดสยามอินจัน สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสมุทรสงครามอย่างไรในสมัยนั้นไม่มีใครรู้จักประเทศไทย จะรู้จักเพียงอาณาจักรสยาม เมื่อสองฝาแฝดไปสร้างชื่อเสียงในแถบยุโรป และเอเชียบางประเทศ จึงถูกเรียกว่าแฝดสยามหรือแฝดไทยสิ่งมหัศจรรย์จากประเทศสยาม ซึ่งอินกับจันก็พอใจกับชื่อนี้ เพราะเขาทั้งสองอยากกลับมาหาเตี่ยกับแม่ แต่กลัวเตี่ยกับแม่จะเดือดร้อน เพราะอาจถูกชาวบ้านขับไล่อีก ทั้งสองจึงไม่ได้เดินทางกลับมาสยามอีกเลย มีแต่ขื่อเสียงของเขาทั้งสองเท่านั้นที่กลับมาจนทำให้เกือบทุกคน รู้จักแฝดสยามจน ถึงทุกวันนี้

ในประมาณปี 2527-  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามในขณะนั้น ได้รับการแนะนำว่าทางจังหวัดน่าจะสร้างอนุสรณ์สถานแฝดสยามอินจัน จึงได้ไปปรึกษากับอาจารย์สงัด ใจพรม เมื่อรับงานปั้นอินจันให้กับทางจังหวัด โดยมีงบประมาณจากทางจังหวัด  และภาคเอกชน ช่วยกันจนสำเร็จ เดิมที่จะนำไปประดิษฐานที่บริเวณวัดใหญ่  ริมแม่น้ำแม่กลอง แต่สถานที่ไม่เพียงพอที่จะสร้างเป็นสวนสาธารณะ และจัดสร้างอนุสรณ์สถานได้ จึงให้ไปสร้างในที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ คือที่สร้างในปัจจุบัน

จังหวัดสมุทรสงครามมีมติสนับสนุนงบประมาณให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง ดำเนินการซ่อมแซม และปรับปรุงทัศนียภาพ และโลกทัศน์ใหม่ อนุสรณ์สถานแฝดสยามอินจัน จึงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักผ่อน และสถานที่ออกกำลังกาย ของคนในชุมชน รวมทั้งนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ แม้แต่ทายาทรุ่นปัจจุบันของอิน-จันก็มาเที่ยวชม มาสักการะคารวะบรรพบุรุษ คือ แฝดสยามอิน-จัน อนุสรณ์สถานแฝดสยามอิน-จัน จึงไม่เป็นหุ่นปั้นที่ถูกลืม ให้เฝ้านาเกลืออีกต่อไป