15 ก.ย. 59 ที่เรือนจำทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายตำรวจระดับสูง รวมทั้งนายทหารพระธรรมนูญ มทบ. 43 ได้เดินทางเข้าเรือนจำอำเภอทุ่งสง เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในจังหวัดปัตตานี และถูกนำตัวมาฝากขังไว้ที่เรือนจำอำเภอทุ่งสง เพื่อรอขั้นตอนกระบวนการดำเนินคดีที่ศาลทหารมณฑลทหารบกที่ 43 ค่ายเทพสตรี อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เข้าไปสอบสวนปากคำ นายอับดุลกอเดร์ ภายในเรือนจำอำเภอทุ่งสง

โดยทาง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำทุ่งสง ได้เบิกตัวนายอับดุลกอเดร์ ออกจากแดนคุมขังมาพบกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ที่ห้องสอบสวนด้านในเรือนจำ โดยทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้มีการสอบสวนปากคำนายอับดุลกอเดร์อย่างลับๆ เป็นเวลานานประมาณ 20 นาที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านใน

โดยหลังสอบปากคำเสร็จ พล.ต.อ.ศรีวราห์  ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว่า จากการเข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหาด้วยตนเอง ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธอยู่ โดยผู้ต้องหาได้อ้างสถานที่ที่พักอาศัยในวันเกิดเหตุ อ้างว่า ไม่ได้มาก่อเหตุตามที่ถูกออกหมายจับดังกล่าว ซึ่งก็เป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่จะปฏิเสธได้ ซึ่งหลังจากนี้ ตนก็อาจจะเดินทางลงไปตรวจสอบถิ่นที่อยู่อาศัยในวันเกิดเหตุที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าจริงหรือไม่ แต่ตนยืนยันว่า เรามีพยานหลักฐานมัดแน่น และมีพยานมาชี้ตัวถูกต้องด้วย ไม่ต้องห่วงแม้ผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ตำรวจก็ยังสอบสวนไปตามปกติ แต่เขาก็รับว่าเขาเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับจริง

ผู้สื่อข่าวถามว่า มูลเหตุจูงใจที่ก่อเหตุทาง รอง ผบ.ตร.ให้น้ำหนักไปทางไหน พล.ต.อ.ศรีวราห์ ตอบว่า ก็ให้น้ำหนักไปทุกประเด็นที่เกี่ยวข้อง แต่ยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือสร้างสถานการณ์ เพราะหลักฐานยังไม่มีที่จะชี้ชัดไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับแบ่งแยกดินแดนแน่นอน เพราะภาคใต้ตอนบนมีแต่ไทยพุทธ แบ่งไม่สำเร็จหรอก เขาคงไม่ทำหรอก แต่ขอยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ทางตำรวจชุดคลี่คลายคดียังจับกุมตัวได้เพียงคนเดียวเท่านั้นคือนายอับดุลกอร์เดร์ สาและ ส่วนการออกหมายจับก็มีเพิ่มอีก 1 คนที่ จ.พังงา เท่านั้น ที่ศาลทหาร มทบ.45 ค่ายวิภาวดีรังสิต ซึ่งได้อนุมัติหมายจับแล้วเมื่อเช้านี้  พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในที่สุดก่อนเดินทางกลับ