เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 17 ต.ค.2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สมบัติ  มิลินทจินดา รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (รรท.รอง ผบช.ภ.1) นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ , หน่วยเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นหอพักไม่มีชื่อ เลขที่ 4/226 ภายในซอยเทศบาลบางเสาธง 35 (ซอย ฝ.7) ชุมชนการเคหะเมืองใหม่บางพลี ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยเข้าตรวจค้นห้องหมายเลข 207 ชั้น 2

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจค้นดังกล่าวสืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์  รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ด้านความมั่นคง ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง หลังมีการข่าวแจ้งว่าจะมีกลุ่มก่อการร้าย เตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 25-30 ตุลาคม โดยมีเป้าหมายหรือพื้นที่เสี่ยง ห้างสรรพสินค้า ลานจอดรถ และตามแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการก่อการร้ายและการก่อวินาศกรรม จึงเข้าตรวจสอบห้องพักดังกล่าว เพื่อขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่มีความเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเตรียมก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

จากการตรวจสอบภายในห้องพักดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 1 คน พร้อมตรวจยึดกล่องบรรจุวัตถุต้องสงสัย 4 กล่องที่คาดว่าผู้ต้องสงสัยจะนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นที่ใช้ในการประกอบระเบิด รวมถึงอุปกรณ์โทรศัพท์และสายไฟจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการร้านค้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยงให้เก็บถังขยะออกจากหน้าร้าน รวมทั้งสังเกตรถยนต์ต้องสงสัยที่มีลักษณะจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน หรือจอดรถข้ามคืน เพื่อป้องกันการเกิดเหตุคาร์บอมบ์ในพื้นที่

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่สงสัยว่าผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการข่าวคาร์บอมบ์ 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไปสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อขยายผล พร้อมทั้งได้ยึดของกลางไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง 

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นที่พักเป้าหมายในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เป็นไปตามมาตรการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายของหน่วยงานด้านความมั่นคง และขอยืนยันความพร้อมการทำงานด้านความมั่นคงของตำรวจและทหาร เพื่อป้องกันเฝ้าระวังเหตุ เน้นการตรวจค้น โดยบูรณาการตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบสืบสวนหาข่าว โดยเฉพาะจุดที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก