7 ธ.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ร้านสวนโมก กม.3 ถ.สุรินทร์-ศีขรภูมิ บ้านจะแกโกน ม.16 ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ มี นางสาวจันจิรา สืบเพ็ง อายุ 31 ปี อดีตสาวออฟฟิศในเมืองกรุงกลับจังหวัดสุรินทร์บ้านเกิด ช่วยแม่ขายส้มตำ ไก่หมุนและข้าวแกง รายได้กว่าวันละ 30,000 บาท หรือเดือนละ 900,000 บาท

ซึ่งในแต่ละวันลูกค้าจะทยอยเดินทางมาอุดหนุนข้าวแกงรสชาติดี ราคาถูก เริ่มต้นตั้งแต่ ถุงละ 10 - 50 บาท ที่เริ่มเปิดจำหน่ายในเวลา 15.00 น. เป็นต้นไปของทุกวัน โดยมีลูกค้าที่เลิกจากงาน จอดรถแวะซื้อกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่ซื้อไปเป็นอาหารมื้อเย็นบ้าง ซื้อไปแช่ใส่ตู้เย็นไว้เป็นอาหารเช้า ถือว่าเป็นการสวนกระแสภาวะข้าวยากหมากแพง ค่าครองชีพสูง ในยุคน้ำมันแพง ในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทางร้านยังมีการจำหน่ายไก่หมุน ในราคาเพียงตัวละ 120 บาทเท่านั้น ส้มตำรสแซ่บครกละ 20-30 บาท

นางสมสวน มีสติ ลูกค้าขาประจำ เล่าว่า ตนมาหาซื้อกับข้าว เพื่อนำไปรับประทานสองคนตายาย หมดไป 155 บาท ได้กับข้าว 4 อย่าง มีปลาดุกย่าง ต้มเป็ด ต้มกระดูกหมูใส่หน่อไม้สด ซุปหน่อไม้สด มาซื้อเป็นประจำเพราะเป็นทางผ่านไปบ้าน รสชาติก็โอเค ราคาไม่แพง ทุกวันจะต้องมาอุดหนุน

นางสาวจันจิรา สืบเพ็ง อายุ 31 ปี เจ้าของร้านสวนโมก กล่าวว่า ร้านสวนโมกแต่ก่อนเป็นเพียงร้านขายข้าวแกงอยู่ข้างถนนธรรมดา จึงอยากยกระดับ คุณภาพ ความสะอาดและรสชาติ พัฒนาจากข้าวแกงเพียงวันละ 5-6 หม้อ มาเป็นวันละ 15 หม้อ ต่อวัน และพยายามหาอย่างอื่นมาขายประกอบด้วย ถ้าลูกค้ามาที่ร้าน นอกจะได้ซื้อแกงแล้ว ยังมีผลไม้ ของปิ้งย่าง ส้มตำ ไก่ย่าง(ไก่หมุน) และอาหารตามสั่ง มาที่เดียวครบทุกเมนู ตอนนี้มีลูกจ้างอยู่กันแบบครอบครัว 10 คน จริงๆขายแกงกำไรไม่เยอะ แต่ว่าก็พออยู่ได้ ตักเริ่มต้นตั้งแต่ 10-50 บาท เมนูที่อร่อยจริงของทางร้านคือ ลาบปลาดุก ลูกค้าจะถามหากันมาก น้ำพริกกะปิ พวกต้มแซ่บ

เจ้าของร้านยังเผยด้วยว่า ตนเรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ จบปริญญาตรี สาขาการจัดการ ก็เลยหาประสบการณ์ชีวิตด้วยการทำงานบริษัทสักระยะหนึ่ง เมื่อมีเงินก้อนหนึ่งแล้ว มองว่าร้านของแม่พอจะขยายกิจการได้ ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานมาช่วยแม่ ถ้าเรียนจบแล้วมาทำงานอยู่ที่บ้านเกิด ก็ดีกว่าพากันทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะว่าอย่างน้อยสิ่งที่เราทำ มันก็พัฒนาบ้านเกิดของเราเองและทำให้ครอบครัวมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและครอบครัวอบอุ่น มีความสุขด้วย