8 ม.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ที่ห้องดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์ รีสอร์ท เชียงราย เขตเทศบาลนครเชียงราย นายณรงค์ศักดิ์โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียราย เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมระดมความคิดเห็นเพื่อวิเคราะห์ศักยภาพในการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยว 5 เชียง(เชียงใหม่ เชียงราย เชียงตุง เชียงรุ้ง เชียงทอง) โดยการประชุมมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8-11 ม.ค.2561 โดยมีสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.เชียงรายเป็นหน่วยงานดำเนินการและมีสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (มร.ชร.) และเครือข่ายภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องในภาคเหนือของไทย ประเทศเมียนมา สปป.ลาว และมณฑลยูนนาน จีน เข้าร่วมครบครัน
โดยนายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวนั้นถือเป็นรายได้หลัก โดยในปี 2560 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนมากที่สุดถึง 35 ล้านบาทและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต รวมทั้งรายได้จากภาคการท่องเที่ยวยังถือเป็น 15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพีของไทย สำหรับ จ.เชียงราย มีนักท่องเที่ยว 4 ล้านคนและ จ.เชียงใหม่ 10 ล้านคนแต่ตนไม่ทราบข้อมูลของอีก 3 เชียงที่เหลือ ดังนั้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจึงเป็นจุดขายสำคัญและหากประเทศในภูมิภาคนี้ร่วมกันจะก็จะสามารถเชื่อมโยงเป็นพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวก็จะเป็นการกระจายรายได้ด้านนี้ออกไปทั้งภูมิภาคได้แน่นอน
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวอีกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวหลักในภูมิภาคยังคงเป็นกลุ่มชาวจีนและมีในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน ซึ่งต่างทะลักเข้ามาในประเทศไทยและใกล้เคียง ดังนั้นหากว่ากลุ่ม 5 เชียง พัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวร่วมกันโดยอาศัยความมีที่มาที่ไปที่เชื่อมโยงสามารถเล่าเรื่องราวของ 5เชียงร่วมกันได้ โดยเฉพาะมีความสัมพันธ์ทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมก็จะเป็นจุดขายที่สำคัญอย่างมาก กระนั้นสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการทำความเข้าใจเรื่อง 5 เชียงกับผู้ที่จะมาทำงานร่วมกันก่อนนั่นเองซึ่งก็คือภาครัฐและเอกชนด้านการทองเที่ยวทั้ง 4 ประเทศดังกล่าว
"ดังนั้นตลอดระยะเวลาในการประชุมครั้งนี้จึงมีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นการนำเอาประวัติศาสตร์ชุมชนความเป็น 5 เชียงมาแจกแจงข้อมูลและมีการนำงานวิจัยจากสถาบันการศึกษาต่างๆ มาหารือเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติร่วมกัน เพราะการขับเคลื่อนครั้งนี้จะไปผู้เดียวไม่ได้” นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว
สำหรับในการประชุมครั้งนี้ ผส.ดร.ศรชัย มุ่งไธสง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ได้บรรยายพิเศษเรื่องบทบาทของสถาบันการศึกษากับการสง่เสริมการท่องเที่ยว และได้อธิบายถึงศักยภาพของ จ.เชียงราย ในการมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกทั้งภายในประเทศและประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงโดยเฉพาะเป็นประตูสู่ประเทศจีนได้ทั้งทางถนน ทางเรือแม่น้ำโขงและทางเครื่องบิน ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมากและ 5 เชียงก็ถือได้ว่าเป็นอาณาจักรล้านนาในอดีตร่วมกัน
ผศ.ดร.ศรชัย กล่าวด้วยว่า สถาบันการศึกษาๆ ที่รองรับด้านการท่องเที่ยวก็มีทั้ง มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยพะเยามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ฯลฯ ซึ่งมีการทำบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูกับองค์กรในประเทศต่างๆ ลุ่มน้ำโขงเพื่อศึกษาวิจัยและร่วมกันพัฒนาการศึกษาโดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหลายเรื่อง มีการแลกเปลี่ยนศึกษา มีการเรียนรู้ วิจัย ฯลฯ ดังนั้นการที่หลายฝ่ายจากหลายประเทศมาร่วมกันในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ดีมากและทางมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายเองก็เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ขับเคลื่อนได้อย่างไม่โดดเดี่ยว.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ตลอดวันที่ 8-11 ม.ค.2561 จะมีการให้ข้อมูลเรื่อง 5 เชียง ทั้งเชียงราย เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดในประเทศไทย เชียงตุงซึ่งเป็นเมืองสำคัญในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา เชียงรุ้งหรือจิ่งหง เมืองเอกของเขตปกรองตนเองไตลื้อสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน เชียงทองหรือหลวงพระบาง ซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกในแขวงหลวพระบาง สปป.ลาว จัดเสวนา รวมทั้งมีการระดมสมอง นำเสนอและแลกเปลี่ยนเรียนรู้หลากหลายเรื่อง มีการระดมสมองกลุ่มผู้ประกอบการเรื่องจุดแข็งและจุดอ่อนการท่องเที่ยว 5 เชียง มีกิจกรรมศึกษาดูงานอกสถานที่ เสวนาเรื่องเส้นทางการท่องเที่ยวและกิจกรรมการท่องเที่ยวของ 5 เชียง ระดมสมองกลุ่มผู้ร่วมประชุมเรื่องรูปแบบและกิจกรรมการท่องเที่ยวเชื่อมโยง 5 เชียง เป็นต้น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี