ศิษย์วัดเมตตาธรรม ยันไม้ทุกชนิดมีเอกสารถูกต้อง โอด จนท.เข้าตรวจสอบกระทบหนัก นักท่องเที่ยววูบ ด้าน หน.พญาเสือ พร้อมให้ความเป็นธรรม ขู่เข้าข่ายพุทธพาณิชย์ พศ.ต้องตรวจสอบ
จากกรณี “ชุดพญาเสือ” นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบไม้ท่อนและไม้แผ่นภายในวัดเมตตาธรรมโพธิญาณ หมู่ 7 ต.หนองหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และได้มีการอยัดไม้กะยาเลย จำนวน 37 ท่อน ไม้แปรรูป 6,360 แผ่น ปริมาตรรวมกัน 1,167.51 ลบ.ม.มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท เอาไว้ตรวจสอบ และให้พระภิกษุเย็นหมง เจ้าอาวาส นำเอกสารการได้มาของไม้ทั้งหมดมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 30 วัน ตามที่ได้เสนอข่าวไปตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.60 แล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 8 ม.ค.61 นายชัยวัฒน์ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย เดินทางไปตรวจสอบเอกสารการได้มาของไม้ทั้งหมด หลังจากครบกำหนดเวลานัดหมายภายใน 30 วัน โดยมีนายสมพล เสถียรุจิกานนท์ ลูกศิษย์ และคนใกล้ชิดพระภิกษุเย็นหมง นำพาตรวจสอบ
นายสมพล กล่าวว่า ตนรู้จักเจ้าอาวาสมาตั้งแต่สมัยท่านย้ายมาตั้งแต่วันแรกๆ จึงพอรู้ข้อมูลตั้งแต่เริ่มที่จะสร้างวัดที่บริเวณนี้ และแม้กระทั่งการจัดตั้งพื้นที่ รวมทั้งเอกสารสิทธิ์ของการจัดตั้งวัด สำหรับไม้ที่พบทั้งหมดนั้น เป็นไม้ที่ลูกศิยษ์ลูกหาที่ศรัทธานำมาถวาย พร้อมใบเอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ ซึ่งเราพร้อมที่จะชี้แจง เพราะมีเอกสารการเดินทางของไม้ ซึ่งเอกสารที่มีอยู่นั้นอาจจะมีมากกว่าปริมาณของไม้ที่มีอยู่ด้วยซ้ำไป เพราะไม้นั้นซื้อมาเยอะมาก
นายสมพล กล่าวอีกว่า ลูกศิษย์คนไหนศรัทธาก็นำมาถวาย ซึ่งก็แล้วแต่คนไหนจะนำมาถวาย จะได้ไม้มาจากที่ไหนก็แล้วแต่ แต่ได้ระบุว่านำมาลงที่วัดเมตตาธรรมโพธิญาณ สำหรับไม้ทั้งหมดนั้นที่จริงทางวัดต้องการสร้างเป็นศาสนสถาน ซึ่งหลวงพ่อท่านมีจิตวิญญาณอยู่ว่า คนไทยเราการที่คนไทยของเราไปท่องเที่ยวประเทศจีน ส่วนใหญ่จะนำเม็ดเงินไปทิ้งที่ประเทศจีนเยอะมาก หลวงพ่อคิดว่าถ้าหากประเทศไทยมีวัดจีนที่สร้างขึ้นมาด้วยไม้เสียเองเงินก็จะไม่รั่วไหลไปยังต่างประเทศ
“ดังนั้นนอกจากลูกศิษย์จะนำไม้มาถวายแล้ว การที่ทางวัดจะซื้อไม้จึงต้องซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงมีการเริ่มสร้างวัดด้วยไม้มาเรื่อยๆ แต่ในช่วงระยะหนึ่งเกิดเศรษฐกิจของไทยตกต่ำ ซึ่งนักธุรกิจที่ศรัทธาจึงนำเหล็กมาบริจาค จึงสร้างโกดังที่ทำด้วยเหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้ไม้ที่มีอยู่เสียหาย ดังนั้นไม้ที่มีอยู่จึงไม่ค่อยได้นำมาใช้ จะมีบ้างเฉพาะการนำไปใช้เกี่ยวกับการสร้างองค์พระ รวมทั้งเสา และองค์พระแม่กวนอิมเล็กๆน้อยๆ สำหรับเอกสารการได้มาของไม้ทางวัดได้มอบให้กับเจ้าหน้าที่ไปทั้งหมดแล้ว คงเหลือแค่เพียงให้ผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ชนิดของไม้ และชี้แจงว่าไม้แต่ละชนิดนั้นกองอยู่บริเวณไหนเท่านั้น” นายสมพล กล่าว
นายสมพล กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ที่ขออนุญาตสร้างวัดนั้นก็ไม่มีปัญหาเนื่องจากเรามีเอกสาร ส.ป.ก.ที่ถูกต้อง ซึ่งประเทศไทยของเรานี่แปลก เพราะที่ดินทั้งหมดนั้นเป็นของรัฐร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การดูแลของหน่วยงานรัฐนั้นมักดูแลซ้ำซ้อนกัน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าตั้งแต่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาตรวจสอบไม้ที่มีอยู่ภายในวัด ได้ส่งผลกระทบกับทางวัดเป็นอย่างมาก เฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาจำนวนของนักท่องเที่ยวที่มาทำบุญนั้นลดลงมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทางวัดเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายค่าช่าง ค่าไฟ เป็นจำนวนมากมาย ตนคนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ในจำนวนหลายร้อยคนที่ทราบความเป็นมาของวัด แต่บังเอิญตนเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี จึงรู้รายละเอียดของวัด โดยหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสร็จแล้ว หลังจากนี้ความจริงก็จะปรากฎขึ้นมา ซึ่งไม้ที่มีอยู่ส่วนใหญ่แล้วนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เมียนมา ลาว รวมทั้งประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเราจะทำการชี้แจงต่อสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่งในภายหลัง
ด้ายนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากที่เราเข้ามาตรวจสอบและอายัดไม้เอาไว้ โดยเมื่อวันที่ 28-29 ธ.ค.60 ที่ผ่านมาเราได้ทำการถอนอายัดไม้ไปแล้วประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเหลือไม้ที่ต้องตรวจสอบความถูกต้ออยู่อีกประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการเข้ามาตรวจสอบไม้ที่อายัดไว้ในวันนี้เราได้ชี้แจงกับคณะกรรมการวัดว่าในส่วนของเอกสารที่นำมาแสดงต้องชัดเจน เพราะเราไม่ได้อายัดไม้ทั้งหมด และยังมีไม้อยู่บางส่วนที่เราไม่ได้อายัดเอาไว้ โดยจะนำเอาเอกสารของไม้ที่เราไม่ได้อายัดมาแสดงเป็นเอกสารที่เราอายัดเอาไว้ไม่ได้ และจะได้มีการพูดคุยรายละเอียดให้เข้าใจกันอีกครั้ง สำหรับเอกสารเราไม่ได้ขอให้ทางวัดนำมาแสดงทั้งหมด แต่ขอให้นำมาแสดงเฉพาะในส่วนของไม้ที่เป็นที่ต้องสงสัยเท่านั้น
“ที่ผ่านมาเราได้เดินทางไปดูไม้ที่นำเข้ามาทางด่านแม่สอด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันชัดเจนว่าไม้ที่มีลักษณะเจาะด้านข้างนั้น ไม่เคยมีการนำเข้า ซึ่งไม้ที่มีอยู่นั้นมีลักษณะคล้ายกับที่มีอยู่ภายในวัด สำหรับการเข้ามาดำเนินการตรวจสอบในวันนี้ หากพบว่าไม้ส่วนไหนผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนไหนถูกต้องเราก็จะทำการถอนอายัด ซึ่งเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทางวัดด้วย” นายชัยวัฒน์ กล่าว
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีถามว่า ตั้งแต่เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบนั้นส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว ซึ่งตนมองว่าจุดนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะประชาชนที่ศรัทธาก็ยังคงเดินทางมากราบไหว้ได้ตามปกติ แต่ถ้าหากบอกว่านักท่องเที่ยวลดลงทำให้รายได้ลดลงไปด้วย จุดนี้น่าจะเข้าข่ายพุทธพาณิชย์มากกว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ผิดอย่างแน่นอน เพราะการที่รัฐอนุญาตให้เป็นเขตพุทธอุทยาน จะต้องดำเนินการเกี่ยวกับพระพุธศาสนาเท่านั้น ทำในเชิงพาณิชย์ไม่ได้ หากเป็นจริง ส.ป.ก. และสำนักงานพระพุทธศาสนา จะต้องเข้ามาตรวจสอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี